หลวงปู่ทองมา ถาวโร พระนักบุญแห่งภาคอีสาน

เป็นพระมหาเถราจารย์ที่มีอายุพรรษามาก และมีพรรษาสูงสุดในจังหวัดร้อยเอ็ด คือ ท่านมรณภาพเมื่อท่านมีอายุได้ 91 ปี อายุพรรษา 71 พรรษา โดยตลอดมากท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใด ๆ ทั้ง

หลวงปู่เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2443 ที่บ้านท่าสี ตำบลท่าสี อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านอยู่ในครอบครัวที่มั่งคั่งในละแวกนั้น หลักจากจบชั้นประถมปีที่ 4 ด้วยความที่ท่านเฉลียวฉลาดเรียนหนังสือเก่ง ท่านถูกทาบทามให้เป็นครูพิเศษอยู่ประมาณ 3 เดือน ก็มีครูที่จังหวัดส่งมาสอนแทน

ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 15 ปี เพื่อศึกษาพระธรรมจำพรรษาอยู่ที่วัดสว่างท่าสี ถึงปีพ.ศ. 2463 ท่านอายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ โยมพ่อโยมแม่จึงทำการอุปสมบทให้ที่วัดท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ แล้วท่านเดินทางไปเรียนแปลธรรมบทมงคลทีปนีกับท่านอาจารย์มหาพันธ์ ที่วัดท่าศาลา อำเภอเขื่องในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเวลา 2 พรรษา แล้วท่านออกเดินธุดงค์

หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี ร้อยเอ็ด (3)

หลวงปู่ทองมา เดินธุดงค์ผ่านหลายประเทศ จากไทยไปลาว ต่อไปเขมร เวียดนาม ขึ้นไปพม่าและอินเดีย ท่านผ่านอุปสรรคมากมาย โดยมีเพียงธรรมะเท่านั้นที่ทำให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ มาได้

คำสอนที่ท่านเน้นอยู่เสมอคือ อย่าให้มีความโลภเกิดขึ้นในใจ อยากได้ของผู้อื่นเพียงอย่างเดียว เป็นความคิดที่ผิดจะไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วยและความโลภนี้จะนำท่านไปสู่ความหายนะ

หลวงปู่ทองมานับว่าเป็นพระผู้เป็นเนื้อนาบุญของชาวพุทธ จนชาวบ้านขนานนามให้ท่านว่า พระนักบุญแห่งภาคอีสาน เพราะท่านเป็นผู้ให้ตลอด ใครมีความทุกข์ร้อนอย่างไร เมื่อมาหาท่าน ท่านจะช่วยเหลือตามความสามารถที่ท่านให้ได้ ในหมู่บ้านที่ห่างไกล ท่านเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นหมอของหมู่บ้าน

หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี ร้อยเอ็ด (1)

ในด้านการศึกษาของเยาวชน ท่านได้ช่วยหาทุนทรัพย์ให้บุตรหลานของชาวบ้านได้เข้าศึกษาทั้งในหมู่บ้านและในตัวเมือง พระภิกษุสามเณรที่จำพรรษาอยู่กับท่าน ต่างก็ได้รับการส่งเสริมด้านการศึกษาในทางปริยัติธรรมและได้ไปศึกษาต่อที่กรุงเทพ ฯ ก็มากมาย

นอกจากนี้ท่านยังช่วยพัฒนาหมู่บ้านด้วยการหาทุนมาสร้างถนนหนทางให้มีความทันสมัย ตลอดจนหาแหล่งน้ำให้กับชาวบ้าน การพัฒนา วัดสว่างท่าศรี ที่ท่านจำพรรษา ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญ สร้างอุโบสถ สร้างพระธาตุพนมจำลอง สร้างกำแพงวัด สร้างหอพระไตร สร้างหอฉัน เป็นต้น

หลวงปู่ทองมามรณภาพเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 ได้รับการพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2535


กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*