เรื่องราวของบุคคลสำคัญในแถบภาคอีสาน ยังมีอีกหลายท่านที่ถึงแม้ว่าจะถึงแก่กรรมไปแล้วก็ยังจะถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง กล่าวถึงความดีความงาม และมีการรำลึกถึงอยู่ตลอดเวลา ที่จังหวัดร้อยเอ็ดก็เช่นเดียวกัน ร้อยเอ็ดถือว่าเป็นจังหวัดที่ใหญ่และมีความเจริญมากพอสมควร และในประวัติศาสตร์ก่อนที่จะเป็นร้อยเอ็ดในทุกวันนี้ ก่อนหน้านั้นมีบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่ได้บุกเบิกและกลายเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ด ก็คือ “พระขัติยะวงษา (ทน)”
ในสมัย พ.ศ.2318 พระขัติยะวงษา (ทน) เป็นบุตรของท้าวจารย์แก้ว หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเจ้าแก้ว ซึ่งในขณะนั้นท้าวจารย์แก้วเป็นเจ้าเมืองท่ง ได้สถาปนาบุตรก็คือพระขัติยะวงษา ให้เป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก พระขัติยะวงษา (ทน) ได้ทำการบุกเบิกบ้านเมืองร้อยเอ็ด โดยการอพยพผู้คนมาจากเมืองท่ง เพื่อมาตั้งถิ่นฐานใหม่ ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีหลักฐานและมีปึกแผ่นที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น แต่ละครอบครัวมีลูกหลานที่สืบทอดแหล่งทำมาหากินให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งกว่าจะมีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างทุกวันนี้ พระขัติยะวงษา (ทน) ได้ทำการปกครองทุกคนอย่างดี อยู่อย่างมีความสุข ท่านเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการปกครองเป็นอย่างมาก และได้ทำการปรับปรุงบูรณะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่ให้มีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดเลยทีเดียว
บ้านเมืองร้อยเอ็ดในเวลานั้นมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และเป็นศูนย์กลางของหัวเมืองต่างๆด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็คือจังหวัดทางแถบภาคอีสานทั้งสิ้น รอบๆบริเวณของเมืองร้อยเอ็ด ท่านได้ทำการปรับปรุงอยู่อย่างต่อเนื่อง จนมีความเจริญ มีวัฒนธรรมที่สวยงาม จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่ท่านไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว ชนรุ่นหลังก็ยังคงระลึกถึงความสามารถของท่านเสมอ จึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์พระขัติยะวงษา (ทน) เพื่อให้ชาวเมืองร้อยเอ็ดทุกคนได้รำลึกถึงทุกสิ่งที่ท่านได้ทำเอาไว้
อนุสาวรีย์ของพระขัติยะวงษา (ทน) ถูกสร้างขึ้นมาอย่างถูกต้องด้วยการขออนุญาตกรมศิลปากรก่อนเรียบร้อยแล้ว มีการหล่อโดยสำริด ในท่ายืน มีขนาดใหญ่เป็นเท่าตัวของตัวจริง มีความสง่างามตามแบบของนักปกครองไม่มีผิด อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างและตั้งขึ้นที่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด ปัจจุบันอยู่ที่อำเภอเมือง อยู่ตรงห้าแยกใกล้เคียงกับวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด ซึ่งหาทางไปไม่ยาก เพราะจุดนี้เป็นวงเวียนห้าแยก เป็นจุดหนึ่งในเมืองที่รถต้องผ่านตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งชาวจังหวัดร้อยเอ็ดเองและชาวอีสานจังหวัดอื่นก็ต่างเคารพสักการะอนุสาวรีย์พระขัติยะวงษา (ทน) กันทั้งสิ้น เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสทราบถึงความเป็นมาและประวัติของเมืองร้อยเอ็ด และได้ระลึกถึงผู้บุกเบิกครั้งใหญ่ที่ทำให้บ้านเมืองเจริญเป็นปึกแผ่นอย่างทุกวันนี้.