ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นเสมือนเขตห้วงห้าม ลึกลับและอันตรายตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภูเขาทึบมากป่าดิบที่ซับซ้อนและภูมิประเทศทุรกันดาร ทำให้เขาน้ำค้างเป็นฐานปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์มลายามาโดยตลอด จนสิ้นสุดเอาเมื่อปี 2530 วันที่ 13 มี.ค. พรรคคอมมิวนิสต์ได้มอบตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 122 คน และอีก 542 คนเมื่อ 28 เม.ย. ปีเดียวกัน พรรคฯ ได้ต่อสู้ตั้งแต่กับญี่ปุ่น อังกฤษ รัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลไทย พื้นที่นี้คาบเกี่ยวชายแดนไทย มาเลเซีย มีการขุดอุโมงค์ใช้เป็นสถาน กิน อยู่ หลับนอนได้เสร็จในตัว แถมด้วยห้องสุขา ห้องพยาบาล ห้องธุรการ ห้องวิทยุ ห้องครัว ห้องผู้นำ สวนสนุกก็มี อาทิเช่น สนามยิงปืน สนามหัดขี่มอเตอร์ไซค์ หลังการสู้รบยุติอุโมงค์ถูกทิ้งร้างและทรุดโทรมไป จนกระทั้งปี 2538 อดีตสหายร่วมรบทำการบูรณะอุโมงค์ใหม่ โดยลงทุนเพื่อมุ่งหวังรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้สำหรับระลึกถึงความทรงจำและเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาอีกแห่งหนึ่ง 22 มี.ค. 2540 คือวันเปิดอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้จัดสรรที่ดินทำกินให้กับลูกหลานคอมมิวนิสต์มาลายู เป็นที่ทำกิน จำนวน 1250 ไร่ แบ่ง สมาชิกลุ่มปิยมิตร 125 ครอบครัว ที่ดินทำกิน ห้ามแลกเปลี่ยนซื้อขาย ครบ 30 ปี ทำสัญญากับรัฐบาล 30 ปี