มื้อนี้อีสานร้อยแปดเฮาสิพาพี่น้องไปเที่ยวทางเมืองดอกบัว นั่นก็คือ จ.อุบลราชธานี และสถานที่ที่เราจะพาไปวันนี้ก็คือ “หอไตรหนองขุหลุ” ณ บ้านขุหลุ ต.ขุหลุ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี
หอไตรนี้ตั้งอยู่ในหนองน้ำชื่อหนองขุหลุ ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืองของหมู่บ้านปัจจุบันเป็นตัวอำเภอ ประมาณ 1 กม.
คำว่า “ขุหลุ” มาจากคำภาษาอีสานแบ่งเป็นสองคำคือ ขุ หรือ ครุ หมายถึง กระบุงที่เอาไว้ใส่ของไม้คานหาบ ส่วน หลุ แปลว่า ทะลุ ซึ่งมีตำนานเก่าเล่าโดยย่อว่า ในอดีตกาลมีเจ้าขุนเมืองท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาทางอำเภอตระการพืชผล โดยเอาทองใส่ครุหาบมาด้วย พอมาถึงที่นี่ครุที่ใส่ทองเอาไว้ได้ทะลุ ทำให้ทองหล่นลง จนทำให้ดินแถวนั้นยุบลงกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านในสมัยนั้นเลยเรียกหนองน้ำแห่งนี้ว่า หนองขุหลุ
หอไตรหนองขุหลุ เป็นหอไตรกลางน้ำที่คงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่นของเมืองอุบลฯ และเป็นหอไตรกลางน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
สร้างขึ้นในราว พ.ศ.2459-2461 โดยหลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย และหลวงราษฎร์บริหาร (สด กมุทมาศ) นายอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ในสมัยนั้นได้ปรึกษาหารือกัน เรื่องตู้คัมภีร์ใบลานและตำราทางพุทธศาสนา ของวัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งมีจำนวนมาก ทำให้ปลวกและแมลงกัดแทะจนตำราขาดวิ่น เลยคิดจะหาที่เก็บแห่งใหม่ และในที่สุดทุกฝ่ายก็ตกลง สร้างหอไตรกลางน้ำขึ้น เพื่อเก็บคัมภีร์ใบลานและตำราทางพุทธศาสนา เป็นการป้องกันปลวกและแมลง และที่เลือกหนองขุหลุเป็นสถานที่ก่อสร้างหอไตร ก็เพราะเห็นว่าหนองขุหลุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีสภาพแวดล้อมเหมาะสม จากนั้นจึงได้บอกกล่าวชาวบ้านให้หาไม้และวัสดุอื่นๆ มาช่วยกันก่อสร้างหอไตรจนแล้วเสร็จ
หอไตรหนองขุหลุ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นอีสานที่มีความงามเรียบง่าย โดยฝีมือช่างในท้องถิ่น ซึ่งมีส่วนประกอบไปด้วย อาคารไม้ยกพื้นสูง รองรับด้วยเสาไม้ 25 ต้น ทำจากไม้พรรณชาติ เรียงเป็นแถว 5 แถว แถวละ 5 ต้น ตัวอาคารเป็นเรือนไม้แบบเครื่องสับ หลังคามีสองส่วน คือส่วนบนเป็นทรงจั่ว ส่วนชั้นล่างทำเป็นหลังคาปีกนก (พะไร) ปัจจุบันมุงกระเบื้องดินเผา ส่วนประดับหลังคาคือตัวเหงาไม้แกะสลักรูปนาค ช่อฟ้า (โหง่) รวยระกา และคันทวย แกะสลักเป็นลายก้านขด คล้ายเลข 1 ไทยซ้อนกันและหันหัวแย้งกันสามชั้น โดยรอบอาคารตีไม้เข้าลิ้นในแนวตั้ง ทรวดทรงอาคารแผ่กว้าง หลังคาสูงทิ้งชายคาลาดต่ำ ให้ความรู้สึกสงบนิ่งและสมดุล ภายในเป็นห้องทึบสำหรับเก็บคัมภีร์ใบลาน มีประตูทางเข้าทางด้านทิศใต้ทางเดียว ส่วนที่ใช้ประดับตกแต่ง ที่เป็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวย ทำด้วยไม้แกะสลักลวดลาย แสดงถึงฝีมือช่างพื้นถิ่นในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี และเดิมทีจะไม่มีสะพานเชื่อมติดต่อ เมื่อก่อนพระต้องพายเรือเข้าไป เมื่อปี พ.ศ.2517 ฟ้าผ่าเสาแถวแรกด้านทิศตะวันตกสุด แล้ววัดศรีโพธิ์ชัยก็จัดงบประมาณเปลี่ยนเสาในปีนั้นเลย ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ได้สร้างสะพานไม้เข้าชมหอไตร และปี พ.ศ.2524 ฟ้าได้ผ่าเสาแถวแรกด้านทิศตะวันออกสุดในเวลากลางคืนจนเกิดไฟลุกไหม้ แต่ฝนตกหนักจึงดับไฟลงได้ วันต่อมา ทางวัดก็เปลี่ยนเสาต้นที่ถูกฟ้าผ่าเสียหายจนแล้วเสร็จ ต่อมา สะพานไม้ที่เชื่อมหอไตรได้ชำรุดทรุดโทรม ทางราชการและชาวบ้านจึงได้สร้างสะพานใหม่ในปี 2544 จนสามารถเดินเข้าชมหอไตรกลางน้ำได้อย่างสะดวกขึ้นกว่าเดิม
สำหรับตัวอาคารหอไตร ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์สืบต่อกันมา ครั้งล่าสุดคือในปี พ.ศ.2542 บูรณะโดยสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 8 อุบลราชธานี กรมศิลปากร การดูแลรักษาและบูรณะอย่างต่อเนื่อง ทำให้มรดกวัฒนธรรมแห่งนี้ยังคงอยู่ในสภาพดี แม้มีอายุยาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ นอกจากนี้หอไตรหนองขุหลุยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือมิได้เป็นของวัดใดวัดหนึ่ง แต่เป็นของชุมชนบ้านขุหลุและเป็นของประชาชนชาวอำเภอตระการพืชผลทุกคน หอไตรแห่งนี้นอกจากจะใช้เก็บคัมภีร์พุทธศาสนาอักษรธรรมและอักษรขอมแล้ว ยังเป็นที่เก็บตำราหนังสือและวรรณคดีอีสานจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน คัมภีร์โบราณและหีบพระธรรมได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่อุโบสถวัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอตระการพืชผล
ความสำคัญของหอไตรหนองขุหลุอีกประการหนึ่งก็คือ นอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบฉบับของถิ่นแล้ว ยังนับเป็นปูชนียสถานที่เรียกกันว่า “ธรรมเจดีย์” การอนุรักษ์หอไตรหนองขุหลุ นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมแล้ว ยังเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่เป็นสรณะของชาวพุทธที่ยั่งยืนสืบไปอีกประการหนึ่ง และในปี 2547 หอไตรหนองขุหลุยังได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากกรมศิลปากรอีกด้วย
นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปทางจังหวัดอุบลราชธานี อย่าลืมแวะเที่ยวชมหอไตรหนองขุหลุ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งโบราณคดี สถาปัตยกรรมท้องถิ่น และยังเป็นปูชนียสถานที่เรียกว่า “ธรรมเจดีย์” อีกด้วย นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบหนองขุหลุยังมีถนนขนาด 4 เลน และ 2 เลน ล้อมรอบ มีขอบฟุตบาทขนาดกว้างสำหรับให้ประชาชนเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย ภูมิทัศน์โดยรอบก็สวยงาม ร่มรื่น อากาศสดชื่นเย็นสบาย เพราะเต็มไปด้วยไม้ยืนต้น ไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิด ภายในหนองขุหลุถูกถมที่ให้เป็นเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานข้ามเข้าไปบนเกาะ ซึ่งทำหรือสร้างขึ้นเพื่อสำหรับเป็นสถานที่จัดงานหรือกิจกรรมต่างๆของทางอำเภอตระการพืชผล ดังนั้น หากทุกท่านได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองอุบลฯ ก็อย่าลืมแวะไปยลหอไตรกลางน้ำที่อำเภอตระการพืชผล บ้างก็แล้วกัน
รวมภาพหอไตรหนองขุหลุ โดย ทีมงานอีสานร้อยแปด
แผนที่เดินทางไปยังหอไตรหนองขุหลุ
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการเดินทางไปยังหอไตรหนองขุหลุ สามารถเดินทางโดยใช้แผนที่ด้านล่างได้เลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก :
http://e-shann.com/?p=6124
http://www.oknation.net/blog/supawan/2008/12/17/entry-1
http://thailandyourtravel.blogspot.com/2011/09/blog-post.html
http://www.banmuang.co.th