พระจุฑาธุชราชฐาน ตั้งอยู่ ณ เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากเหตุการณ์วิกฤต ร.ศ. 112 ก็สิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐาน และมีหน่วยงานราชการต่างๆ มาขอใช้พื้นที่ ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานไปในคราวเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2431 พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธทรงพระประชวร โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์หลวงให้เสด็จมาประทับรักษาพระองค์ที่เกาะสีชัง จนพระอาการทุเลาลง นอกจากนี้ เกาะสีชังยังเป็นที่พักฟื้นของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธอีกพระองค์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้าง “อาคารอาไศรยสฐาน” ขึ้น 3 หลังพระราชทานนามว่า “เรือนวัฒนา” ตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี “เรือนผ่องศรี” ตามพระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี และ “เรือนอภิรมย์” ตามพระนามของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ปี พ.ศ. 2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานมายังเกาะสีชัง ซึ่งในขณะนั้นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีทรงพระครรภ์ใกล้มีพระประสูติการ ดังนั้น รัชกาลที่ 5 จึงทรงสร้างพระราชฐานขึ้น และพระราชทานนามพระราชฐานนี้ว่า “พระจุฑาธุชราชฐาน” ตามพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก โดยการก่อสร้างพระราชฐานนั้น มีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช เป็นแม่กอง พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพศาสตรศุภกิจ เป็นนายช่างผู้ออกแบบ โดยประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์ พระที่นั่งเมขลามณี และตำหนัก 14 ตำหนัก ได้แก่ ตำหนักวาสุกรีก่องเก็จ ตำหนักเพ็ชรระยับ ตำหนักทับทิมสด ตำหนักมรกตสุทธิ์ ตำหนักบุษราคัม ตำหนักก่ำโกมิน ตำหนักนิลแสงสุก ตำหนักมุกดาพราย ตำหนักเพทายใส ตำหนักไพฑูรย์กลอก ตำหนักดอกตะแบกลออ ตำหนักโอปอล์จรูญ ตำหนักมูลการะเวก ตำหนักเอกฟองมุก ซึ่งพระราชทานนามให้สอดคล้องกันหมด พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่างๆ ก็ชะงักลง นอกจากนี้ พระองค์โปรดให้รื้อถอนพระที่นั่งและตำหนักบางส่วนไปสร้างไว้ที่อื่น เช่น พระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้สักทอง 3 ชั้น โปรดให้เชิญมาสร้างขึ้นใหม่ใกล้พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต เมื่อ พ.ศ. 2443 พระราชทานนามใหม่ว่า พระที่นั่งวิมานเมฆ หลังจากเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 พระจุฑาธุชราชฐานจึงมิได้เป็นพระราชวังในการเสด็จแปรพระราชฐานตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้น พระจุฑาธุชราชฐานจึงใช้เป็นสถานที่ของหน่วยงานราชการหลายแห่ง ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิ์การใช้ที่ดินบางส่วนจากกรมธนารักษ์ เพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานซึ่งเป็นโบราณสถานในเขตที่ดินดังกล่าวไปในคราวเดียวกัน พระจุฑาธุชราชฐานยังเป็นพระราชวังหรือเขตพระราชฐานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ที่มีที่ตั้งอยู่บนเกาะ เมื่อ พ.ศ. 2545 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เริ่มทำการปรับปรุงพระราชฐานขึ้นใหม่ เพื่อจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2547 โดยในส่วนที่ได้ปรับปรุงและจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์และโบราณสถาน ได้แก่ พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2435 ปัจจุบันได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และเปิดให้เข้าชม -เรือนไม้ริมทะเล สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 ปัจจุบัน ได้รับการบูรณะ และใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจในเกาะสีชัง -เรือนวัฒนา สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเหตุการณ์สำคัญในเกาะสีชัง สมัยรัชกาลที่ 5 -เรือนผ่องศรี สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ปัจจุบัน ช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและประวัติบุคคลผู้มีบทบาทกับเกาะสีชังในอดีต -เรือนอภิรมย์ สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามของพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการสิ่งปลูกสร้าง ในสมัยรัชกาลที่ 5