ตะไคร้ (ภาษาอีสานเรียกว่า หัวสิงไค) เป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก ยิ่งใครที่มีพื้นที่เล็กๆภายในบ้านหรือสนามเล็กๆก็สามารถปลูกไว้ในกระถางย่อมๆได้ แถมยังมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ส่วนลำต้นใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ แก้อหิวาตกโรคได้ดี ในใบก็อุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหย สามารถใช้ทากันยุงและดับกลิ่นคาวในอาหารได้ ทำให้หลายๆบ้านนิยมปลูกตะไคร้ไว้ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดปลูก วันนี้ esan108 มีวิธีการปลูกตะไคร้ในบ้านเรือนมาแนะนำกัน
การปลูกตะไคร้ในบริเวณบ้าน จะนิยมใช้การปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือเพียงโคนต้นประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วนำมาปักบนดินร่วนซุย โดยใช้โคนปักลงในดินที่เตรียมไว้เลย กะระยะให้ห่างประมาณหนึ่งศอก แต่ถ้าปลูกในกระถาง ใช้วิธีปักโคนลงในกระถางๆละ 2-3 ต้นก็พอ แล้วหมั่นรดน้ำให้ชุ่มทั้งเช้า – เย็น ตั้งกระถางไว้ในที่ที่โดนแดดตลอดทั้งวัน จะทำให้ต้นตะไคร้โตได้เร็ว ซึ่งทั้งสองวิธี ควรหมั่นรดน้ำและปลูกกลางแจ้งจะได้ผลดีที่สุด
นอกจากจะต้องอยู่ในที่ที่ได้รับแสงเพียงพอแล้ว การให้น้ำควรให้อย่างสม่ำเสมอเช้า – เย็น จนตะไคร้สามารถตั้งตัวได้ จากนั้นรดน้ำ 5 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว ส่วนใครที่อยากให้ปุ๋ย หลังจากปลูกได้ 3 เดือน ต้นตะไคร้จะเริ่มแตกกอ ให้โรยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ที่บริเวณโคนกอตะไคร้ กอละ 1 กำแล้วรดน้ำก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนเรื่องแมลงที่หลายคนกังวล ข้อนี้ก็หายห่วง เพราะตะไคร้มีคุณสมบัติที่ช่วยขับไล่แมลงได้หลายชนิด ดังนั้น จึงดูแลง่ายโดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง
สามารถถอนได้ทั้งลำต้นถึงโคนสุด และหมั่นถอนเพื่อไม่ให้มีหลายต้นเกินไปในกอเดียว เพราะถ้าไม่แยกออกไป จะทำให้ต้นตะไคร้เล็กลงและลีบลงเรื่อยๆ หรือบางครั้งก็แคระแกรน ต้นและกอก็จะโทรม ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือปลูกต่อได้
คำแนะนำ วิธีการปลูกเพื่อให้ผลผลิตสูงๆ ควรเลือกพันธุ์ที่ดี สำหรับตะไคร้ในบ้านเราที่นิยมปลูกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์เกษตร ซึ่งแนะนำให้ปลูกพันธุ์เกษตรจะเหมาะกว่า เพราะให้ผลผลิตที่สูงกว่า ลำต้นใหญ่กว่าพันธุ์พื้นบ้าน และยังมีราคาเท่ากันอีกด้วย
ใครที่สนใจอยากจะปลูกต้นตะไคร้ไว้เป็นพืชผักสวนครัวหรือปลูกเพื่อไล่แมลง ก็สามารถนำวิธีนี้ไปลองใช้กันได้ รับรองว่า ให้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก