ทุกบ้านทุกเมือง ย่อมมีเจ้าเมือง เป็นผู้วางรากฐานให้กับเมืองของตน แล้วก็กลายเป็นบุคคลสำคัญที่ใครๆต่างก็ให้ความสำคัญและระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา เมืองสุรินทร์ก็เช่นเดียวกัน อีกจึงหวัดหนึ่งของประเทศไทยทางภาคอีสาน ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เกิดเหตุการณ์ขึ้นมามากมาย มีวีรบุรุษผู้ก่อตั้งท่านหนึ่ง ที่เป็นกำลังสำคัญในการปกครองเมืองสุรินทร์คือ พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ผู้ซึ่งมีความสามารถทางด้านการปกครอง เจ้าเมืองผู้ก่อตั้งเมืองสุรินทร์ แม้จะเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่เดินทางเข้ามาเป็นเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มไทยพื้นเมือง แต่ประวัติของเขา และด้วยความสามารถและความดี ทำให้ได้กลายเป็นเจ้าเมืองสุรินทร์
เชียงปุม ซึ่งเป็นชื่อเดิมของพระยาศรีสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ในตอนนั้นเป็นเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มคนไทยพื้นเมืองที่ยกกันมาตั้งถิ่นฐาน โดยมีช้างมาด้วย ชนกลุ่มไทยพื้นเมืองนี้ก็เช่นเดียวกัน มีความรู้ในเรื่องของการเลี้ยงช้าง เชียงปุมเองก็เป็นคนชำนาญการในเรื่องช้างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งมีช้างเผือกแตกออกมาจากในป่า วิ่งเข้ามาในเมือง ซึ่งแน่นอนว่าความดุร้ายของช้างนั้นมีมากมหาศาล บวกกับแรงของช้างซึ่งสามารถคร่าชีวิตคนได้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ได้โปรดเกล้าให้มีการล้อมจับช้างเผือกเอาไว้ ซึ่งเชียงปุมเองก็เข้าร่วมในการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย เชียงปุมประสบความสำเร็จในการติดตามช้างเผือกเป็นที่พอพระทัยมาก จึงได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็น “หลวงสุรินทรภักดี” มีหน้าที่คอยควบคุมและปกครองเมือง
หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้หลวงสุรินทนภักดีได้มีความดีความชอบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขมรเกิดการจลาจล กลุ่มเขมรบางกลุ่มอพยพเข้ามายังฝั่งเมืองสุรินทร์ ซึ่งในตอนนั้นมีชื่อเดิมว่า ประทายสมันต์ (ภายหลังถึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเมืองสุรินทร์) หลวงสุรินทรภักดียกกองทัพเข้าปราบปรามจนสำเร็จ จนทำให้บ้านเมืองที่กำลังจลาจลอยู่ในขณะนั้นได้สงบลง และได้โปรดเกล้าอีกครั้งแต่งตั้งเป็น “พระยาสุรินทรภักดี”
“ซึ่งชื่อเมืองว่า สุรินทร์ เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ตามสร้อยพระนามของเจ้าเมืองอย่างพระยาสุรินทรภักดีนั่นเอง”
เมื่อพระยาสุรินทรภักดีถึงแก่กรรม เจ้าเมืองผู้ซึ่งเป็นที่รักของประชาราษฎร์ ยังคงระลึกอยู่ในจิตใจเสมอมา จึงมีการสร้างอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางขึ้น เพื่อเป็นเกียรติให้กับท่านเจ้าเมือง วีรบุรุษนักรบผู้ก่อตั้งและปกครอง ปกป้องบ้านเมืองอยู่ตลอดมา ด้านหน้าของอนุสาวรีย์สร้างขึ้นเป็นงาช้างคู่ แสดงให้เห็นว่าท่านมีประวัติความเป็นมากับช้าง กว่าจะได้มาเป็นเจ้าเมืองสุรินทร์ ท่านเชี่ยวชาญในเรื่องช้างมาก่อน รูปปั้นมือขวาถือของ้าว แสดงออกถึงการเป็นนักรบผู้กล้าหาญ รวมถึงสะพายดาบไว้
เมื่อเดินทางมาเมืองช้างอย่างเมืองสุรินทร์ มีโอกาสอย่าพลาดที่จะเข้าไปสักการะอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ขอพรเพื่อให้มีความกล้าหาญในจิตใจ ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างเช่นนักรบ.