ฟ้อนแขบลาน หรือฟ้อนแถบลาน คือการฟ้อนรำที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน โดยชาวบ้านเผ่าไทลาวในเขตอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการฟ้อนรำประกอบการขับกาพย์เซิ้งเพื่อประกอบในพิธีการทำบุญหลวงหรือบุญบั้งไฟ เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤด…
ฟ้อนแขบลาน หรือฟ้อนแถบลาน คือการฟ้อนรำที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน โดยชาวบ้านเผ่าไทลาวในเขตอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการฟ้อนรำประกอบการขับกาพย์เซิ้งเพื่อประกอบในพิธีการทำบุญหลวงหรือบุญบั้งไฟ เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ในพิธีกรรมนี้จะมีการจุดบั้งไฟถวายเจ้าพ่อผาแดง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ที่ผาแดง เพื่อให้เจ้าพ่อดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พิธีกรรมขอฝนด้วยการจุดบั้งไฟนี้ จะกำหนดเวลาในช่วงระยะเดือนห้า หรือเดือนหก ของทุกๆปี
สาเหตุที่เรียกการแสดงชุดนี้ว่าฟ้อนแถบลานเพราะตัวเสื้อของผู้แสดง จะนำใบลานย้อมสีเหลืองมาตัดและเย็บติดตามตัวเสื้อเป็นลวดลายที่สวยงาม และเอกลักษณ์เฉพาะของชาวบ้านหล่มสัก ฉะนั้น คำว่า “แขบลาน”จึงมาจากคำว่า “แถบลาน” ของตัวเสื้อของผู้ฟ้อน ลักษณะวิธีการฟ้อนแขบลานคล้ายกับการแสดงเซิ้งบั้งไฟทางภาคอีสาน แต่จะมีเอกลักษณ์ที่แปลกตาออกไป
ผู้ฟ้อนแขบลานนี้ จะฟ้อนเป็นคู่ ๆ ทั้งชายและหญิง ไม่จำกัดจำนวนและอายุ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่ กับศรัทธาของผู้ที่จะฟ้อนแขบลาน การฟ้อนก็จะฟ้อนไปตามจังหวะดนตรีซึ่งมี กลองปั้ง ฆ้องและฉาบ ซึ่งนักดนตรีนี้จะหามนำขบวนฟ้อนแขบลาน พร้อมกับร้องเพลงเป็นภาษาถิ่น(ไทลาว)ของชาวหล่มสักเรียกว่า การเซิ้งกาพย์
การแสดงฟ้อนแถบลานนี้ได้มีผู้รวบรวมข้อมูลแล้วนำไปประดิษฐ์ท่าฟ้อนให้มีความสวยงามเพื่อใช้แสดงในวงโปงลางที่พบเห็นเป็นหลักฐานในปัจจุบันได้แก่ วิทยาลัยครูเพชรบูรณ์(มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์) ประดิษฐ์ท่าฟ้อนโดยการนำของนายชลอ นุเทศ ,นางปิลันธนา สงวนบุญยพงษ์ อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ นางสาวบุษบา มีเดช และนางสาวมณฑา วงษา นักศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ รุ่นที่ 2
และประดิษฐ์ทำนองเพลง โดยนายช่วงวิทย์ เทียนศรี อาจารย์ภาควิชาดนตรี วิทยาลัยครูเพชรบูรณ์
จากนั้นวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ จึงได้นำมาออกแสดงในวงโปงลาง โดยจะบรรเลงลายศรีทันดร ประกอบการฟ้อน แทนการบรรเลงแบบดั้งเดิมที่ใช้เพียงกลองปั้ง ฆ้องและฉาบ
การแต่งกายแบบดั้งเดิมของผู้ฟ้อนรำ ได้แก่ ผู้ฟ้อนจะสวมเสื้อแขบลาน คือ เสื้อแขนยาวสีกรมท่า คอกลม และนำใบลานแห้งมาเย็บติดกับตัวเสื้อทำเป็นลวดลายต่าง ๆ ใช้ผ้าสีแดงโพกศีรษะ
ผู้หญิงจะนุ่งซิ่นมุกยาวแค่เข่า ส่วนผู้ชายก็จะใส่กางเกงขนาดครึ่งน่องหรือกางเกงขาก๊วย สวม เสื้อม่อฮ่อม ทั้งชายและหญิงจะใส่แว่นตาดำ แต่หากเป็นการแสดงในรูปแบบวงโปงลางจะไม่สวมแว่นดำ
ในการฟ้อนแบบดั้งเดิมผู้ฟ้อนทุกคนจะสวมส่วยมือทั้ง10 นิ้ว ที่ทำด้วยไม้ไผ่สาน พันด้วยด้ายสีแดง ที่ปลายส่วยมือมีพู่ด้ายสีแดงหรือเหลือง แต่หากเป็นการแสดงในวงโปงลางของวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์จะทำจากกระดาษแข็งคล้ายกับเล็บฟ้อนภูไทสกลนคร และสวมเพียง 8 นิ้ว