ปุ๋ยอินทรีย์ หมายถึง ปุ๋ยที่ได้หรือทำมาจากวัสดุอินทรีย์ซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีทำให้ชื้น สับ หมัก บด ร่อย สกัด หรือด้วยวิธีการอื่น
ปุ๋ยอินทรีย์ หมายถึง ปุ๋ยที่ได้หรือทำมาจากวัสดุอินทรีย์ ซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีทำให้ชื้น สับ หมัก บด ร่อย สกัด หรือด้วยวิธีการอื่น และวัสดุอินทรีย์ถูกย่อยสลายสมบูรณ์ด้วยจุลินทรีย์จะให้ปริมาณธาตุอาหารพืชน้อย แต่จะให้ธาตุอาหารพืชอย่างครบถ้วนทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม โดยค่อย ๆ ปลดปลอยให้พืชได้ใช้ และช่วยให้ดินสามารถดูดซับธาตุอาหารพืชไว้ได้สูงทำให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปุ๋ยอินทรีย์สามารถแบ่งได้ 4 ชนิดตามแหล่งที่มา ดังนี้
ปุ๋ยคอก (Farmyard Manure) หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากสิ่งขับถ่ายของสัตว์ หรือมูลสัตว์ต่าง ๆ เช่น ขี้หมู ขี้วัว ขี้ไก่ เป็นต้น ก่อนนำไปใช้จะต้องหมักไว้ให้เกิดการย่อยสลายก่อน โดยทั่วไปจะมีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม อยู่ในปริมาณค่อนข้างต่ำ โดยเฉลี่ยทั่วไปจะมีไนโตรเจน ประมาณ 0.5 % ฟอสฟอรัส 0.25 % และโพแทสเซียม 0.5 % การเก็บรักษาปุ๋ยคอกไม่ควรเก็บในที่มีความชื้นสูง ควรกองเป็นรูปฝาชีอัดให้แน่น เก็บไว้ในที่กันแดดและฝน ถ้าอยู่กลางแจ้งควรหาวัสดุคลุม เพื่อป้องกันการสูญเสียธาตุอาหาร หรือเก็บในหลุมที่ทำด้วยคอนกรีต
ปุ๋ยหมัก (Composts) หมายถึง ปุ๋ยที่ได้จากการนำเอาเศษซากพืช ซากสัตว์ วัสดุเหลือใช์ทางการเกษตรหรืออุตสาหกรรม มาผ่านกระบวนการหมักร่วมกับมูลสัตว์จนย่อยสลายเสร็จสมบูรณ์ โดยอาศัยกิจกรรมของจุลินทรีย์ย่อยสลายจนกระทั่งได้สารอินทรียวัตถุสีดำที่มีความคงทนต่อการสลายตัว เรียกว่า “ฮิวมัส” ปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยหมัก โดยทั่วไปจะมีค่าอยู่ ระหว่าง 0.4 – 2 % ไนโตรเจน 0.1 – 1% ฟอสฟอรัส และ 0.6 – 3 % โพแทสเซียม
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับ ปุ๋ยหมัก ได้ที่บทความ “ปุ๋ยหมัก ทำยังไง มีกี่แบบ”
ปุ๋ยพืชสด (Green Manure) หมายถึง ปุ๋ยที่ได้จากการ ตัด สับ หรือไถกลบพืชสด ๆ ส่วนใหญ่เป็นพืชตระกูลถั่วลงในดิน โดยในที่ลุ่มควรปลูกโสนอัฟริกัน ในที่ดอนควรปลูกปอเทือง ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม และถั่วเขียว ระยะเวลาที่เหมาะสมในการไถกลบ คือระยะออกดอกเต็มที่ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 45 – 60 วัน แล้วปล่อยให้เน่าสลายกลายเป็นปุ๋ยจึงปลูกพืชหลักตาม ปริมาณธาตุอาหารที่ได้รับมีค่าอยู่ระหว่าง 1.7 – 3 % ไนโตรเจน 0.2 – 0.4 % ฟอสฟอรัส และ 0.9 – 3.2 % โพแทสเซียม
น้ำหมักชีวภาพ (Bio-Fermented Water) คือการหมักชิ้นส่วนของพืชผัก ผลไม้ หรือสัตว์ชนิดต่าง ๆ กับกากน้ำตาลและน้ำ ผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ประกอบด้วยสารต่าง ๆ เช่น ธาตุอาหารพืช ฮอร์โมน กรดอมิโน กรดฮิวมิก กรดอินทรีย์ เอ็นไซม์ วิตามิน มีผลต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช กระตุ้นการงอกของราก ช่วยให้พืชแข็งแรงต้านทานต่อโรคและแมลง ผลผลิตเพิ่มขึ้น สีสัน และรสชาติดีกว่าเดิม ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต โดยมีผลผลิตธาตุอาหารไนโตรเจนรประมาณ 0.1-1% ฟอฟฟอรัส 0.3-1.1% และโพแทสเซียม 0.4-1%
น้ำหมักชีวภาพ มีการผลิตและนำไปใช้สะดวก ไม่ยุ่งยาก แต่มีปริมาณธาตุอาหารน้อยกว่าปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่น ๆ และไม่สามารถเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน
ปุ๋ยพืชสด มีข้อดีคือใช้ปริมาณน้อย ขนย้ายสะดวก หาง่าย ราคาถูก และใช้ในพื้นที่ที่ใหญ่ได้ แต่มีข้อเสียคือ ต้องปลูกพืชปุ๋ยสดก่อนแล้วจึงไถกลบ ทำให้เสียเวลาและแรงงาน นอกจากนี้การเจริญเติบโตของปุ๋ยพืชสดก็ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและพื้นที่ปลูก ทำให้มีผลต่อน้ำหนักและปริมาณธาตุอาหารของปุ๋ยพืชสด
ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก มีข้อดีคือสามารถกำหนดอัตราการใช้ให้เหมาะสมได้ เช่น การเพิ่มประมาณอินทรีย์วัตถุในดินให้สูงขึ้น หรือการเพิ่มธาตุอาหารในระดับที่พืชต้องการแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทันที แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องใช้ปริมาณมาก ขนย้ายลำบาก หายาก ราคาค่อนข้างแพง
ข้อมูล