เปิดขั้นตอนการกู้บ้านร่วมกับเพื่อน ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ในยุคที่ราคาบ้านพุ่งสูงสวนทางกับรายได้ของคนวัยทำงาน การตัดสินใจ “กู้บ้านร่วมกับเพื่อน” กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มคนโสดหรือเพื่อนสนิทที่มีเป้าหมายร่วมกันในการลงทุนอสังหาฯ หรืออยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องแบกรับภาระเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม การกู้บ้านร่วมกันไม่ใช่เรื่องเล็ก จำเป็นต้องมีการวางแผน ตรวจสอบเอกสาร และทำความเข้าใจในรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนลงมือดำเนินการจริง
บทความนี้จะพาไปดูขั้นตอนสำคัญในการกู้บ้านร่วมกับเพื่อน พร้อมสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อให้การขอสินเชื่อผ่านได้ง่ายและไม่มีปัญหาภายหลัง
1. ตกลงร่วมกันให้ชัดเจนก่อนกู้
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนของธนาคาร สิ่งแรกที่ต้องทำคือการพูดคุยตกลงเงื่อนไขกับเพื่อนให้ชัดเจน เช่น
- ใครเป็นเจ้าของร่วมในโฉนด
- แบ่งหน้าที่รับผิดชอบในการผ่อนชำระอย่างไร
- จะถือกรรมสิทธิ์ร่วม 50/50 หรือแบบอื่น
- หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เลิกคบกัน จะจัดการทรัพย์สินอย่างไร
การมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ตั้งแต่ต้น จะช่วยป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต และสร้างความสบายใจให้ทั้งสองฝ่าย
2. ตรวจสอบรายได้และเครดิตของทั้งสองคน
แม้จะเป็นการกู้ร่วม แต่ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตบูโร และประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด หากมีใครคนหนึ่งติดเครดิตบูโร หรือมีภาระหนี้สูง อาจทำให้การอนุมัติล่าช้าหรือไม่ผ่านเลยก็ได้
เอกสารที่ต้องเตรียม เช่น
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง
- หนังสือรับรองรายได้
- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
3. เลือกธนาคารที่รองรับการกู้ร่วมแบบเพื่อนได้
ไม่ใช่ทุกธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้กับเพื่อนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวกัน ดังนั้นควรสอบถามให้ชัดเจนว่า ธนาคารที่เลือกยอมให้ “กู้บ้านร่วมกับเพื่อน” หรือไม่ ตัวอย่างธนาคารที่เปิดกว้างเรื่องนี้ เช่น ธนาคารออมสิน ธอส. หรือบางธนาคารเอกชนที่เน้นลูกค้ากลุ่ม Gen Y/Gen Z
4. เตรียมเอกสารเกี่ยวกับบ้านหรือโครงการ
เมื่อเลือกบ้านหรือคอนโดที่ต้องการแล้ว ให้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับตัวอสังหาฯ เช่น
- สัญญาจะซื้อจะขาย
- เอกสารสิทธิต่างๆ เช่น โฉนดที่ดิน
- เอกสารใบเสนอราคาจากโครงการ
เพื่อใช้ประกอบในการขอสินเชื่อกับธนาคาร
5. ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร
เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นขอสินเชื่อร่วม โดยธนาคารจะนัดประเมินราคาทรัพย์สิน และพิจารณาความสามารถในการผ่อนของทั้งสองฝ่าย หากอนุมัติเรียบร้อย จะมีการนัดเซ็นสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน
6. เซ็นสัญญาและแบ่งกรรมสิทธิ์
ในการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง ต้องแจ้งธนาคารว่าจะถือกรรมสิทธิ์อย่างไร เช่น
- คนละครึ่ง
- คนละเปอร์เซนต์ตามเงินที่ออก
หากไม่แจ้ง ธนาคารจะถือว่าถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันเท่าๆ กันโดยอัตโนมัติ
ข้อควรระวัง
- ต้องมีความเชื่อใจในเพื่อนเป็นอย่างมาก เพราะการกู้ร่วมมีภาระผูกพันทางกฎหมาย
- หากเพื่อนหยุดจ่าย จะส่งผลกระทบต่อเครดิตของเราเช่นกัน
- หากขายบ้านในอนาคต ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมทุกคน
การกู้บ้านร่วมกับเพื่อนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากมีบ้านแต่รายได้ยังไม่พอเพียง หรืออยากแชร์ภาระค่าใช้จ่ายในยุคที่อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง แต่ต้องวางแผนและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน มีการตกลงที่ชัดเจน และเลือกธนาคารที่รองรับการกู้ร่วมระหว่างเพื่อนได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้การซื้อบ้านเป็นเรื่องง่าย และไม่มีปัญหาภายหลังในระยะยาว