วันออกพรรษาก็ใกล้เข้ามาแล้ว วันหยุดยาวนี้หลายคนก็พาครอบครัวไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในช่วงออกพรรษา คือ บั้งไฟพญานาค เชื่อว่าหลายคนก็มีแผนเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยังไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับปรากฎการณ์นี้ได้
วันนี้อีสานร้อยแปดจะพาไปรู้จักปรากฏการณ์ธรรมชาติเหนือธรรมชาติที่มีเพียงเดียวในประเทศไทย จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์นี้ทั้งในแง่ความเชื่อและตำนาน
สำหรับความเชื่อตามตำนาน บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่อยู่เหนือธรรมชาติ ชาวเมืองริมแม่น้ำโขงทั้งสองฝั่งเห็นปรากฎการณ์นี้มานานย้อนหลังไปได้ไกลหลายร้อยปี คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า ในช่วงคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11ของทุกปี เรือที่ออกหาปลาในลำแม่น้ำโขง จะเห็นดวงไฟเกิดขึ้นมากมายรอบ ๆ ลำเรือ จนต้องพายกลับเข้าฝั่งเพราะความกลัว คนโบราณมีความเชื่อว่าเป็นการกระทำของพวกเงือก
ตามความเชื่อว่ากันว่า ใต้แม่น้ำโขงลงไปเป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค ที่มีอิทธิฤทธิ์สามารถจะแปลงกายเป็นงูใหญ่ หรือบางครั้งแปลงเป็นชายหนุ่มรูปงาม หรือสาวสวยแล้วแต่เหตุการณ์ พญานาคตนนี้มีนางเงือกเป็นบริวาร
เนื่องจากในวันออกพรรษานี้ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหล่าเทวดาจึงเนรมิตบันไดเงินบันไดทองถวายเพื่อให้พระพุทธองค์ใช้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็จะมาชุมนุมตามวัดเพื่อตักบาตรร่วมกัน เรียกว่าประเพณีตักบาตรเทโว เพราะเชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าทรงพระกรุณาธิคุณ มนุษย์ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นอยู่บนสวรรค์หรือในนรก ในระหว่างพระพุทธเจ้าเดินทางโปรดสัตว์น้อยใหญ่ จะทรงผายมือทั้งสองข้าง ปางนี้จึงเรียกว่า ปางเปิดโลก ทั้งสวรรค์ นรก เมืองมนุษย์ เมืองบาดาล จะเห็นกันในวันออกพรรษานี้
เหล่าพญานาคทั้งหลายในเมืองบาดาล ต่างชื่นชมยินดีในความมีน้ำใจของพระพุทธองค์ และเป็นการต้อนรับที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาโปรดสัตว์ จึงสำแดงฤทธานุภาพพ่นลูกไฟบูชาพุทธคุณ หรือพุทธบูชา เราเรียกการกระทำของเหล่าพญานาคแห่งเมืองบาดาลนี้ว่า บั้งไฟพญานาค
ดังนั้นในแต่ละปีจะมีประชาชนทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวาของแม่น้ำโขง และจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมาชมปรากฎการณ์มหัศจรรย์ที่ในหนึ่งปีจะมีให้ชมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์เหนือคำบรรยายใด ๆ ทั้งสิ้น
ดูความคิดเห็น
สุดยอดอีหลีครับ อยากไปเบิ่งเด้