ภาษาภูไท เป็นภาษาที่น่ารักมาก ๆ มาดูคำศัพท์น่ารู้พร้อมคำแปลและประโยคตัวอย่าง จัดทำโดย อีสานร้อยแปด ทุกเรื่องราวของชาวอีสาน
ภาษาภูไท เป็นภาษาพูดของชาวภูไท (บางครั้งเรียกกว่า ผู้ไท) เป็นภาษาในภาษากลุ่มตระกูลไต-กะได (Tai–Kadai) ไม่มีอักษรของตนเอง การเขียนตัวอักษรชาวภูไทจึงมีการประยุกต์วิธีการเขียนของชาวลาว
ภาษาภูไท เป็นภาษาในตระกูลภาษาไท ผู้พูดภาษาภูไทในประเทศไทยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณจังหวัดภาคตะวันออก หรือภาคอีสานตอนบน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร นอกจากนี้ยังมีอีกเล็กน้อยอาศัยบริเวณจังหวัดร้อยเอ็ด อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ โดยภาษาภูไทในแต่ละท้องถิ่นต่างมีสำเนียงและคำศัพท์ที่ใช้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีคำยืมจากภาษาถิ่นอีสาน ชาวภูไทส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาถิ่นอีสานได้ แต่คนอีสานไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาภูไทได้ หรืออาจจะพูดหรือฟังได้บ้างแต่ไม่ทั้งหมด ภาษาภูไทมีชื่อเรียกอื่น คือ ภาษาผู้ไท
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า ชาวภูไทดั้งเดิมเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบสิบสองจุไท ทั้งบริเวณตอนเหนือของลาวและเวียดนาม และทางตอนใต้ของจีน มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไลและเมืองแถง (เดิมชื่อ เมืองแถน คำว่า แถน แปลว่า ฟ้า) เมืองแถน คือ เมืองที่เจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ผู้เป็นใหญ่สร้างขึ้นหรืออยู่อาศัย ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มชาติพันธุ์ภูไทมีการสักการะกราบไหว้บรรพบุรุษ มาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เช่น ประเพณีจุดบั้งไฟบูชาพระยาแถน เพื่อขอน้ำจากฟ้าหรือขอน้ำฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ให้ลูกหลานได้ทำนาเลี้ยงชีพและเลี้ยงลูกหลานต่อไป หรือประเพณีผีฟ้า หรือหมอเหยา เพื่อเชิญผีแถน มาช่วยดูแสรักษาปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายโรคภัยไข้เจ็บ ให้ลูกหลานหายเจ็บไข้ เป็นต้น
กลุ่มชาติพันธุ์ภูไท ที่อาศัยอยู่ที่เมืองแถง เรียกว่า กลุ่มภูไทดำและที่อาศัยอยู่ที่เมืองไลและเมืองอื่นๆ เรียกว่า กลุ่มภูไทขาว ประกอบด้วย 4 อาณาเขต คือ เมืองไล เมืองเจียน เมืองมุน เมืองบาง มีเมืองไลเป็นเมืองใหญ่ปกครอง ส่วนกลุ่มภูไทดำ ประกอบด้วย 8 อาณาเขต คือ เมืองแถง เมืองควาย เมืองตุง เมืองม่วย เมืองลา เมืองโมะ เมืองหวัด เมืองชาง มีเมืองแถงเป็นเมืองใหญ่ปกครอง ส่งผลทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ภูไทนี้ มีเมืองอยู่ในการปกครองตนเอง รวม 32 อาณาเขต จึงเรียกดินแดนแห่งนี้รวมกันว่า “สิบสองเมืองภูไท” หรือ “สิบสองจุไทย” หรือ “สิบสองปู่ไทย” หรือ “สิบสองเจ้าไทย”
ต่อมากลุ่มภูไทเมืองวังเกิดเหตุวุ่นวาย ทำให้ลูกหลานส่วนหนึ่งต้องอพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย บริเวณมืองเรณูนคร จังหวัดนตรพนม และเมืองพรรณนานิคมจังหวัดสกลนคร ต่อมา พระเจ้ากรุงธนบุรีหรือ “พระเจ้าตากสินมหาราช” ได้ทำสงครามขยายอาณาเขตได้อพยพชาวเมืองภูใทให้ย้ายมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และสระแก้ว จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลุ่มชาติพันธุ์ภูไทได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานมากขึ้น อาทิ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และมาอยู่รวมกับกลุ่มชนชาติพันธุ์ภูไทที่อพยพเข้ามาก่อนหน้านี้ในเขตจังหวัดต่างๆ คือ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ หนองคาย ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี เป็นต้น ต่อมาเรียกกลุ่มภูไทที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดเหล่านี้ว่า กลุ่มชาติพันธุ์ภูไท ส่วนคนชาติพันธุ์ภูไทที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยบริเวณจังหวัดต่างๆ มีชื่อเรียก แตกต่าง
กันไป เช่น ภูไท ไทยโซ่ง ไททรงดำ ไทพวน ไทดำ ไทขาว ไทแดง
ชาวภูไทมีวัฒนธรรมอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเอง มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รักสงบ และรักอิสระ ผู้ชายมีความเข้มแข็งกล้าหาญอดทน นิยมเดินทางไกลเพื่อค้าขาย ผู้หญิงภูไทมีรูปร่างผิวพรรณสวยงาม มีฝีมือในการทอผ้าและการเย็บปักถักร้อย ตลอดจนมีพรสวรรค์ในศิลปะด้านดนตรีและการฟ้อนรำ
ในด้านภาษา เนื่องจากภาษาภูไทนั้นเป็นภาษาถิ่นในภาษาตระกูลไท จึงมีลักษณะเด่นบางประการร่วมกับภาษาไทยถิ่นอื่น กล่าวคือ เป็นภาษาคำโดดและเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ คมักเป็นคำพยางค์เดียว โครงสร้างประโยคพื้นฐาน ได้แก่ “ประธาน กริยา กรรม” มีลักษณะนามเช่นเดียวกับภาษาตระกูลไทยถิ่นอื่น ๆ
ภาษาภูไทมีลักษณะบางประการที่ถือว่าเป็นลักษณะเด่นอื่น ๆ อาทิ ด้านคำศัพท์ มีคำศัพท์ที่แตกต่างออกไปจากภาษาถิ่นอีสานหรือภาษาไทยกลาง เช่น
ชาวภูไทจะเรียกแทนตัวเองว่า ภูไท หรือ ผู้ไท และก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามีที่มาที่ไปหรือมีความหมายว่าอะไร จึงมีผู้พยายามวิเคราะห์จากข้อมูลหลายชุด
ภูไท หมายถึง คนเผ่าไทที่อาศัยอยู่บนภูหรือภูเขาหรือที่สูง ตามตำนานเล่าว่าคนภูไทมีถิ่นกำเนิดจากเมืองแถงหรือเมืองแถน ซึ่งก็คือเมืองเดียนเบียนฟูในประเทศเวียดนามปัจจุบัน ลักษณะภูมิประเทศของเมืองแถนเป็นพื้นที่หุบเขาสูง ดังนั้น เกรียงไกร หัวบุญศาล. (ม.ป.ป.) จึงเสนอว่าการเรียก ภูไท น่าจะมีความหมายที่ตรงกับลักษณะภูไทเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขา คนภูไทเรียกภูเขาว่า ภู การที่เรียกว่า ภูไท จึงน่าจะหมายถึงคนเผ่าไทที่ชอบอาศัยอยู่บนภูหรือบริเวณภูเขาตามลักษณะภูมิประเทศแบบเดิมที่จากมา รวมถึงเมื่อพิจารณาจากอาชีพที่คนภูไทนิยมทำสืบทอดกันมาคือ การทำนา ทำไร่และทำสวน เมื่ออพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย คนภูไทมักเลือกอาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูก เมื่อเสร็จฤดูทำนาก็จะนิยมทำสวนทำไร่ การเรียกว่า ภูไท น่าจะถูกกว่า ผู้ไท รวมถึงคนภูไทจะเรียกตนเองว่า ภูไท ไม่เรียก ผู้ไท
สาเหตุที่คนนอกชุมชนเรียกคนภูไทว่า ผู้ไท น่าหมายถึง คนไท หรือ คนผู้เป็นคนไท เมื่อเทียบความหมายตามหลักภาษาไทยพบว่า คำว่า ผู้ หมายถึง คน ดังนั้น การถูกเรียกว่า ผู้ไท จึงหมายถึง คนไท อย่างไรก็ตาม ถวิล เกสรราช (2512 อ้างถึงใน เกรียงไกร หัวบุญศาล (ม.ป.ป.) ได้แสดงทัศนะว่าเราควรเรียกชนกลุ่มนี้ว่า ผู้ไท เพราะตามประวัตินั้นคนผู้ไทไม่ได้อาศัยอยู่ตามป่าเขาแต่อย่างใด มีแต่ ข่า แจะ แม้ว เย้า เท่านั้นที่มีถิ่นฐานและทำมาหากินอยู่ตามภูเขา ถึงแม้ว่าพงศาวดารเมืองแถงจะชี้ว่าสิบสองจุไทมีภูเขาอยู่หลายลูก แต่ผู้ไทยก็ไม่ได้อาศัยอยู่บนภูเขา พวกเขาอาศัยเลี้ยงชีพอยู่พื้นราบ ดังนั้นการเรียกชื่อและการเขียนจึงควรเป็น ผู้ไท ไม่ใช่ ภูไท
คนที่ใช้ภาษาภูไทส่วนใหญ่อาศัยในพื้นที่ภาคอีสานเหนือ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และยโสธร
ลองมาดูคำศัพท์และประโยคในภาษาภูไทพร้อมคำแปลและตัวอย่างการใช้งานกัน
ภาษาภูไทเป็นภาษาที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันกลับถูกกระแสโลกาภิวัตน์ทำลายลักษณะสำคัญทางภาษาไป การรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเหล่านี้ไม่ให้สูญหายและอยู่รอดอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่ชุมชนซึ่งเกี่ยวข้องต้องมีจิตสำนึกเข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครอง และดำเนินการโดยชุมชนเพื่อชุมชนเอง ทั้งนี้เพื่อให้ภาษาและวัฒนธรรมของคนกลุ่มชาติพันธุ์ภูไทคงอยู่สืบไป
รายการคำศัพท์ที่นำมาเสนอในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทีมงานแอดมินได้คัดเลือกมาให้เพื่อน ๆ ได้สนุกกัน หากต้องการดูคำศัพท์ทั้งหมด เพื่อน ๆ สามารถค้นหาคำศัพท์ภาษาภูไทได้ในพจนานุกรมภาษาอีสานของเราได้เลย
อ้างอิง