ส่วนประกอบของบั้งไฟ

ทีมงานอีสานร้อยแปดมื้อนี้จะพาไปเบิ่งส่วนประกอบของบั้งไฟว่ามีอะไรบ้าง มีส่วนผสมอะไรทำไมบั้งไฟมันถึงจุดขึ้นได้ อยากรู้กันแล้วแม่นบ่ ไปเบิ่งส่วนประกอบต่างๆของบั้งไฟกันเลย

บั้งหรือกระบอก

หาลำไม้ไผ่ขนาดโตตามต้องการ แล้วนำเชือกมาวัดรอบลำไม้ไผ่ 3 รอบครึ่ง แล้วคลี่เชือกนั้นออก นำมาวัดลำไผ่ ตัดลำไผ่ให้ได้ความยาวไม่น้อยกว่าสามรอบครึ่งนั้น จากนั้นใช้เหล็กกระทุ้งเอาปล้องออก

กระบอกบั้งไฟ

ไม้หางบั้งไฟ

หาลำไม้ไผ่ที่เรียวยาว ขนาดและความยาว เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวบั้งไฟ นำลำไผ่นั้นมาลนไฟดัดให้ตรง ในกรณีที่น้ำหนักหางเบากว่าหัว ช่างบั้งไฟบางคน ก็ทะลุปล้องของหางบั้งไฟ แล้วยัดดินเข้าไปจนน้ำหนักสมดุลกับหัวบั้งไฟ ก็มี

ลูกโหวดบั้งไฟ

(จะใช้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับช่างทำบั้งไฟ)
ใช้ไม้ไผ่ข้อปล้องปอกเปลือกนอกออกเหลือไว้หนาประมาณ 4 ซ.ม. นำไปตากแดดให้แห้ง เพื่อให้มีน้ำหนักเบา ตัดให้มีความยาวลดหลั่นกันไป เพื่อให้เกิดเสียงสูงต่ำต่างกัน เสี้ยมปลายด้านที่ไม่มีปล้องเป็นรูปปากฉลาม

หมื่อหรือดินปืน

หมื่อ ประกอบด้วยถ่านไม้เนื้ออ่อนกับขี้เกีย (ดินประสิว)

ดินประสิว

 

ในอดีต ชาวบ้านทำดินประสิว จากมูลค้างคาว ดังนั้น จึงเรียกดินประสิวว่า ขี้เกีย (ขี้ค้างคาว) แต่ในปัจจุบันสามารถหาซื้อดินประสิวได้ตามร้านค้า

ไม้ที่นำมาเผาเอาถ่านมาตำเป็นดินปืน ต้องเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่นไม้ลำปอ ต้นพริก กิ่งฝรั่ง กิ่งมะม่วง เป็นต้น โดยถ่านที่เผาแล้ว จะต้องไม่มีดินหรือทรายปน

หลังจากได้ถ่านแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการตำถ่านผสมกับดินประสิว เพื่อให้ได้ดินปืนตามต้องการ โดยดินปืนที่ใช้กับบั้งไฟจะมีความแรงหลายระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะมีอัตราส่วนผสมอยู่ โดยใช้อุปกรณ์ตวง เช่นกะลามะพร้าว กระป๋องนม เป็นต้น โดยมีอัตราส่วนดังนี้

ดินถ่าน3 หมายถึง ดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 3 ส่วน จะได้หมื่อ(ดินปืน)ที่แรงมาก
ดินถ่าน4 หมายถึง ดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 4 ส่วน จะได้หมื่อที่แรงปานกลาง
ดินถ่าน5 หมายถึง ดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 5 ส่วน จะได้หมื่อที่อ่อนปานกลาง
ดินถ่าน6 หมายถึง ดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 6 ส่วน จะได้หมื่อที่อ่อนมาก

ในการตำดินปืน นิยมตำจากอัตราส่วนที่อ่อนก่อน คือเริ่มจากสูตรดินถ่าน6 เมื่อตำถ่านละเอียดผสมเข้ากันกับดินประสิวดีแล้ว ก็ตักใส่ภาชนะเก็บให้มิดชิดเรียบร้อย จึงตำครกต่อไป คือ ดินถ่าน5 ดินถ่าน4 ดินถ่าน3 ตามลำดับ

แชร์
Alitta Boonrueang