Ischemic stroke คือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรู้จักสัญญาณเตือนและปัจจัยเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและการรักษาที่ทันเวลา
Ischemic stroke หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบ คือ ภาวะที่เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมองอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้เซลล์สมองตายและสูญเสียการทำงาน โรคนี้เป็นสาเหตุสำคัญของความพิการและการเสียชีวิตทั่วโลก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ischemic stroke ว่าคืออะไร จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและรักษา
Ischemic stroke เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยมีสาเหตุหลักๆ ดังนี้
1. ลิ่มเลือด: เกิดจากการที่ลิ่มเลือดก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง
2. ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง: เกิดจากการสะสมของไขมันและสารอื่นๆ ในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
3. ลิ่มเลือดจากส่วนอื่นของร่างกาย: ลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หัวใจ อาจหลุดลอยไปอุดตันหลอดเลือดในสมองได้
อาการของ ischemic stroke มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และอาจแตกต่างกันไปตามบริเวณของสมองที่ได้รับผลกระทบ อาการที่พบบ่อย ได้แก่
1. อ่อนแรงหรือชาครึ่งซีกของร่างกาย
2. พูดไม่ชัด หรือสื่อสารลำบาก
3. มองเห็นผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว หรือมองเห็นภาพซ้อน
4. เวียนศีรษะ มึนงง หรือเสียการทรงตัว
5. ปวดศีรษะรุนแรงอย่างเฉียบพลัน
การวินิจฉัย ischemic stroke ต้องทำอย่างรวดเร็วเพื่อให้การรักษาทันท่วงที วิธีการวินิจฉัยที่สำคัญ ได้แก่
1. การตรวจร่างกายและประเมินอาการทางระบบประสาท
2. การตรวจด้วยเครื่อง CT scan หรือ MRI ของสมอง
3. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงของหลอดเลือดคาโรติด
4. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อประเมินความเสี่ยงของลิ่มเลือดจากหัวใจ
การรักษา ischemic stroke ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาที่เกิดอาการ วิธีการรักษาหลัก ๆ ได้แก่
1. การให้ยาละลายลิ่มเลือด เช่น tPA (tissue plasminogen activator) ซึ่งต้องให้ภายใน 3-4.5 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ
2. การสลายลิ่มเลือดด้วยวิธีทางกล: เป็นการใช้อุปกรณ์พิเศษสอดเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อดึงลิ่มเลือดออก
3. การให้ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซ้ำ
4. การฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น กายภาพบำบัด การฝึกพูด เพื่อฟื้นฟูการทำงานที่สูญเสียไป
1. ควบคุมความดันโลหิต: รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติช่วยลดความเสี่ยงได้
3. ลดระดับคอเลสเตอรอล: รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ออกกำลังกาย และใช้ยาลดไขมันตามคำแนะนำของแพทย์
4. เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด ischemic stroke อย่างมาก
5. จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์: ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ หรือหลีกเลี่ยงการดื่ม
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิต และเพิ่มระดับ HDL คอเลสเตอรอล
7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผักผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากปลา ลดการบริโภคเกลือและไขมันอิ่มตัว
8. ตรวจสุขภาพประจำปี: เพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงและรับการรักษาแต่เนิ่นๆ หากจำเป็น
Ischemic stroke คือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรู้จักสัญญาณเตือนและปัจจัยเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและการรักษาที่ทันเวลา การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สุขภาพดี ควบคุมโรคประจำตัว และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด ischemic stroke ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสงสัยว่าตนเองหรือคนรอบข้างกำลังมีอาการของ ischemic stroke ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะการรักษาที่รวดเร็วสามารถช่วยลดความเสียหายต่อเซลล์สมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวได้อย่างมาก