
Newsletter Subscribe
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
หมู่บ้านเวินบึกตั้งอยู่ในอำเภอโขงเจียม หมู่บ้านตั้งมาประมาณ 80 กว่าปีมาแล้ว โดยอพยพกันมาจากทางฝั่งลาว แต่ก่อนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ข่า แต่พวกเขากลับเรียกตัวเองและภาษาของเขาว่า บรู คำนี้มีความหมายว่า คน ผู้ค้นพบกลุ่มชนที่พูดภาษาบูรในหมู่บ้านแห่งนี้คือนายเจอรี่ดับเบิลยู เกนีย์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2518 ปัจจุบันคนบรูส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเวินบึกและบ้านท่าล้ง เขตอำเภอโขงเจียม คนที่นี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในเมืองไทย หมู่บ้านเวินบึกตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง มีทัศนียภาพล้อมรอบสวยงาม ทั้งแม่น้ำและภูเขา ตามคำบอกเล่าหมู่บ้านเวินบึกเป็นหมู่บ้านที่จับปลาบึกได้มากสมชื่อ เพราะ เวิน ในภาษาอีสานหมายถึงบริเวณกว้างใหญ่ที่มีน้ำไหลวน ซึ่งแม่น้ำโขงช่วงที่ไหลผ่านหมู่บ้านนี้ก็เป็นเวินใหญ่มากจริงๆ ในอดีตชาวบ้านจับปลาบึกได้บ่อยๆ เลยเรียกกันติดปากว่าบ้านเวินบึก นักท่องเที่ยวบางคนรู้จักบ้านเวินบึกในฐานะที่ตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จฯ พระบรมราชินีนาถ จึงนิยมล่องเรือจากโขงเจียมมาชมวิวแล้วแวะซื้อผ้าทอลายสวยแล้วก็กลับ มีศาลาศุภลักษณ์สุรีย์ ซึ่งสร้างถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ คราวเสด็จฯ มาทรงงานศิลปาชีพ ณ ริมโขงตรงกลางหมู่บ้าน หมู่บ้านเวินบึกถือเป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่แม่น้ำโขงไหลผ่านแดนสยาม จากนั้นก็จะไหลเข้าไปในแขวงจำปาสักของลาว ลำน้ำทั้งสายจะเป็นดินแดนลาว เส้นแบ่งเขตแดนไทย-ลาวก็จะเปลี่ยนจากร่องน้ำโขงมาเป็น แนวเขาบรรทัด ซึ่งเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ชาวบ้านเดินไปมาหาสู่กันได้สบาย ปัจจุบันคงเหลือแต่ตำนานการจับปลาบึก และเอกลักษณ์เฉพาะตนทางวัฒนธรรมด้านภาษานั้นคือ ภาษาบรู และมีการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรม โดยจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมขึ้น รวมทั้งมีการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ภาษาดั้งเดิมของตัวเอง แต่ก็พบว่าโดยทั่วไปกลุ่มคนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านจะใช้ภาษาอีสานในการสื่อสารกันเป็นส่วนใหญ่จะมีก็แต่คนแก่คนเฒ่าที่ยังใช้ภาษาบูรพูดคุยกัน ชาวบ้านเวินบึกมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบชนบททั่วไปของชาวอีสาน มีอาชีพจับปลาซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีงานหัตถกรรมจักรสานที่ขึ้นชื่อ