
Newsletter Subscribe
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
วันนี้อีสานร้อยแปดจะมาพูดถึง “จังหวัดมหาสารคาม” เมืองที่ได้รับฉายาหรือรู้จักกันในชื่อ “ตักสิลานคร” คำขวัญประจำจังหวัดมหาสารคามคือ
“พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร”
มหาสารคาม เมืองแห่งการศึกษา : เป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลายประการ คน มหาสารคามเป็นคนที่มีความดีงามและเพียบพร้อมด้วยภูมิความรู้มากมาย วิวัฒนาการของบ้านเมือง และพัฒนาการของผู้คนและสังคมก้าวหน้า มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รักสันติ เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา และเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
มหาสารคาม เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภาคอีสานไม่มีภูเขา มีแม่น้ำชีไหลผ่าน การเป็นจังหวัดที่อยู่กึ่งกลางของภาคอีสาน ประกอบกับเป็นเมืองสงบจึงเหมาะกับการเป็นที่ตั้งสถานศึกษาต่างๆ ทุกระดับ จึงเป็นที่มา “เมืองแห่งการศึกษา” หรือ “ตักสิลานคร”
[ads1]
จุดเด่นความเป็น “ตักสิลานคร” จังหวัดมหาสารคามมีสถาบันการศึกษาระดับสูงสุดหลายแห่ง สามารถผลิตทรัพยากรแรงงานระดับคุณภาพที่จะตอบสนองความต้องการทางเทคโนโลยีและธุรกิจได้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและแนวทางการพัฒนาประเทศ จึงเป็นจุดเด่นของมหาสารคาม
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดมหาสารคามคือ เป็นจังหวัดที่อยู่ตรงกลางของภาคอีสาน จนได้รับการเรียกขาลว่าเป็น “ดินแดนแห่งสะดืออีสาน” จุดศูนย์กลางของภาคอีสานอยู่ที่บ้านเขวา ต.เขวา อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่จะให้ดินแดนบริเวณนี้เป็น
เมืองตักศิลาในประเทศปากีสถาน :
ตักศิลา (อักษรโรมัน: Taxila (อ่านว่า: ตักสิลา))[1] หรือ ตักสิลา (อักษรโรมัน: Takkaśilā; (อ่านว่า: ตักกะสิลา)) ในภาษาบาลี หรือ ตักษศิลา (อักษรโรมัน: Takṣaśilā) ในภาษาสันสกฤต[2] เป็นชื่อเมืองอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐปัญจาบ เป็นมหาวิทยาลัยและเป็นศูนย์กลางของศิลปวิชาการ ในอดีตของอินเดียตั้งแต่ก่อนพุทธกาลมีสำนักอาจารย์ทิศาปาติโมกข์ สั่งสอนศิลปวิทยาต่างๆ แก่ศิษย์ที่มาเล่าเรียนในแถบดินแดนชมพูทวีปบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงหลายท่านที่สำเร็จการศึกษาจากที่แห่งนี้ อาทิเช่น เช่น พระเจ้าปเสนทิโกศล หมอชีวกโกมารภัจจ์ และองคุลีมาล
ปัจจุบันนี้ตักศิลาอยู่ในเขตประเทศปากีสถาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงอิสลามาบัด คงเหลือแต่ซากเมืองให้ได้เห็น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ พิพิธภัณฑ์ตักศิลา ซึ่งได้เก็บรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับความเป็นอยู่และภูมิปัญญาของชาวตักศิลายุคต่างๆ เอาไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ รวมถึง ซากสถูปเจดีย์ วัดวาอาราม แลปฏิมากรรม แบบศิลปะคันธาระ จำนวนมาก อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนจนรัฐบาลปากีสถานได้อนุรักษ์ไว้เป็นโบราณสถานภายใต้การสนับสนุนขององค์การยูเนสโก
เมืองตักศิลาถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เป็นนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ เป็นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป ที่สถาปนาขึ้นโดยชาวอารยันมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำแคว้นและรุ่งเรืองมานับพันปี ก่อนพุทธกาลนั้นมีความรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ได้สร้างตักศิลาให้มีชื่อเสียงกิตติศัพท์ขจรขจายไปทั่ว พร้อมๆกับการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต่อมาตักศิลาก็ต้องตกอยู่ภายใต้อารยธรรมอีกมากมายต่อๆ มา เช่น อารยธรรมกรีก โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และอารยธรรมฮินดูอีกหลายราชวงศ์ แต่กระนั้นเลย ตักศิลาก็ยังแสดงความเจิดจรัสแห่งพระพุทธศาสนา
ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ชนชาติเฮพธาไลต์ (Hephthalite) ได้ยกทัพมาตีอินเดียและทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้เมืองตักศิลาพินาศสาบสูญแต่บัดนั้น
อ้างอิง:
[1]ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากล เล่ม 2 (อักษร M-Z), พิมพ์ครั้งที่ 1, ราชบัณฑิตยสถาน, 2550, หน้า 584.
[2]พระธรรมปิฎก (ปยุตฺโต). (2538). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โรงพิพม์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ : โรงพิพม์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หน้า 61-89.
ไม่อาจเชื่อได้ข้อมูลเหล่านั้นมาจากฝรั่งทั้งสิ้น