วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ลักษณะศิลปะสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณ มีการวางแบบแปลนแผนผังแยกสัดส่วนเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส และที่ธรณีสงฆ์ ได้อย่างเป็นระเบียบ ปลอดโปร่ง มีบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง มีพระประธานในพระอุโบสถ คือ พระพุทธชินราชจำลอง
ซึ่งภายในวัด มีสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ดังนี้
พระอุโบสถ ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหลัง อาคารทรงจัตุรมุข มีมุขเด็จยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่ซุ้มมุขด้านตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากเศษทองที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราชจำลองเรียกกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อธรรมจักร”
พระประธาน ในพระอุโบสถ ประดิษฐาน พระพุทธชินราช ซึ่งจำลองจากองค์จริงที่จังหวัดพิษณุโลก
พระระเบียงคด ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณปางและสมัยต่างๆเรียงรายไปตามพระระเบียง ปัจจุบันมี 52 องค์ สลับอิริยาบถนั่งและยืน จัดเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปโบราณต่างๆ
พระที่นั่งทรงผนวช เดิมอยู่ในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงผนวช ต่อมาโปรดให้รื้อมาสร้างถวายวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
พระที่นั่งทรงธรรม พระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระประสงค์ใช้เป็นที่ประทับทรงศีลในวัดอุโบสถ
พระวิหาร ส.ผ. เป็นพระวิหารที่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2445 เพื่อใช้เป็นหอพระธรรมมีชื่อว่า หอสมุดพุทธสาสนสังคหะ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนรสิงห์จำลอง พระฝาง และพระพุทธรูปโบราณต่างๆ
ศาลาสี่สมเด็จ เป็นแบบจตุรมุข หน้าบันจำหลักลายและตราต่างๆ ทั้ง 4 ด้าน สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2443 ด้วยทุนทรัพย์ของสมเด็จ 4 พระองค์ คือ
1.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจำหลักตรา พระเกี้ยว ที่หน้าบันทิศเหนือ
2.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์จำหลักตรา จันทรมณฑล ที่หน้าบันทิศตะวันออก
3.สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีกรมพระจักรพรรดิพงศ์ จำหลักตรา จักร ที่หน้าบันทิศใต้
4.สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จำหลักตรา สุริโยทัย ที่หน้าบันทิศตะวันตก
ศาลาบัณณรศภาค ใช้เป็นโรงฉัน ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณส่วนหนึ่งและเป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ
ศาลาร้อยปีปิยมหาราชอนุสรณ์ เป็นอาคารชั้นเดียวสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ในอภิลักขิตสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเสวยราชสมบัติครบรอบ 100 ปี ที่มุขด้านหน้าประดิษฐานพระบรมรูปของ สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า สามารถนำดอกกุหลาบเข้าไปกราบสักการะด้านในได้
พิพิธภัณฑ์พระอนุสรณ์ อ.ป.ก. เป็นตึก 2 ชั้น รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม สร้างถวายเป็นที่รับรองพระสงฆ์มาจากต่างประเทศ เมื่อคราวฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เดิมชื่อ อาคันตุกาศรมปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมเครื่องอัฐบริขารและของใช้ต่างๆ ของสมเด็จพระสังฆราช (ปรสต โสภณมหาเถร)
หอระฆังบวรวงศ์ เป็นหอสูง เป็นหอสูงมีมุข 2 ด้าน สร้างเมื่อปี 2445 ด้วยทุนทรัพย์ของพระราชวงศ์ที่นับเนื่องในพระราชวังบวร
ข้อมูลเพิ่มเติม
โดดเด่นด้วยพระอุโบสถหินอ่อน รู้จักกันทั่วไปในหมู่นักท่องเที่ยวชื่อว่า Marble Temple ที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนดีที่สุดจากประเทศอิตาลี บริเวณด้านหน้าและด้านหลังของประตูพระอุโบสถประดับด้วยสิงห์ทวารบาล 2 ตัว ที่สลักจากหินอ่อน นับได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก
ระหว่างถนนสายใหญ่คือ ถนนพระรามที่ 5 ถนนศรีอยุธยา ถนนราชดำเนินนอก และถนนพิษณุโลก