Breaking News

ลาบเนื้อวัว อาหารอีสานยอดนิยม ทุกยุคทุกสมัย

Popular News


Enter your email address below and subscribe to our newsletter
ชื่อภาษาไทย อนุมัจฉา วารีถด
ชื่อภาษาประกิต Direction of Chilly
ชื่อพื้นบ้าน ก้อยปลาซิว
ปลาซิว เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก หาเลาะกิน “ขี้ตะหลืนน้ำ” พบได้ตามแม่น้ำลำคลองทั่วไป
เปรียบเสมือนคนอีสานเฮานี้หละ หากินถั่ว ( ถั่วทีบ ถั่วแดน ) ไผว่าปลาซิวสกปรก ให้พิจารณา
คนคดโกงกินงบประมาณหลวง โกงกินประเทศชาติ คิดว่าเขาสะอาดแล้วให้ ยอมือใส่เขาโลดอีพ่อ
นั้นหละสิพาให้บ้านเมืองล่มจม
ก้อยปลาซิวเป็นอาหารอีสาน พื้นบ้านทั่วไป คนอีสานเสพรสชาตินี้ มาตั้งแต่ บรรพกาล สมัยเฮายัง
เป็นลมเป็นแล้งอยู่ ( แปลเป็นภาษาไทยว่า ตั้งแต่สมัยคนปัจจุบัน ยังเป็นสัมภเวสี ) การกินก้อยปลาซิว
สมัยก่อนโน้น เขาจะทำกินก็ต่อเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง น้ำแห้งขอด ในฤดูน้ำหลากหรือฤดูฝนนั้น
แม้จะมีปลาชนิดนี้มากมาย เขาจะเอาไปทำอย่างอื่น เช่น ออแร่งสะมอนฟิช ( ส้มปลาน้อย )
ปลาแดกน้อย อุปลาซิว หมกปลาซิว แกงปลาซิว เอาะปลาซิว เป็นต้น ซึ่งต้องผ่านไฟ
หรือไม่ก็ หมักดอง เสียก่อนจึงนำมากิน
เพราะคนโบราณเขารู้ว่า ในฤดูน้ำหลาก หรือ ฤดูฝน ปลามันหากินไปทั่วตามสายน้ำ ทำให้มีพยาธิ
เรียกว่า ” แม่พยาธิ”
การทำก้อยปลาซิว เป็นการกินปลาดิบจะกินในฤดูแล้ง น้ำแห้งขอดแล้ว ส่วนมากกินในห้วงเดือน
พ.ย.- ก.พ. พวกที่กินก้อยปลาซิวหน้าฝน คือ พวก “สะลื่น” ลืนควมผู้เฒ่า จึงเกิดโรคภัย
1.ปลาซิวข่อน ( ห้วงเดือน พ.ย. – ม.ค. )
2. ห่อเดียวหลายหัว (ฮังมดส้ม )
3.บักเผ็ดแห้งป่น
4.ลูกโดดซอยห่าง ( บักเผ็ดดิบ)
5.ข้าวคั่ว
7.ปลาแดกอีสาน
8.ผักหอมเป
9.ผักบั่ว
10.บักนาว
12 น้ำปลา กาหน่อไม้ หรือ กาสิงห์
11. เกลือสินเธาว์ ต้มจากดินเอียด
12.บักสองซาว ( 40 หนองคาย )
1. แหย่ง ( ดางเขียว )
2.ห้วยหนอง ที่น้ำขอด โกนห้วย หรือ หนองสระ กุด และแม่น้ำในหน้าแล้ง
3. กะคุ ( คุงถัง กาละมัง ปี๊ปฮ้าง )
4.แดดพวมงาย สายลมกำลังห่าว
5.บุคคลผู้กำลังส้มปาก แจ๊ะ ๆ 2 คนขึ้นไป
เมื่อครบองค์ประกอบแล้ว ก็พาไปหาแหล่งน้ำอีสานในหน้าแล้งได้เลย มองหาแหล่งปลาซิว
จัดการ “ล่องแหย่ง” หรือ “ลากดางเขียว” เพื่อต้อนปลาซิวมาตุ้ม มาโฮมกัน
จากนั้นก็เลือกเฟ้นเอาแต่ปลาซิว คัดเอา “ขี่เหยื่อ” ออก ล้างน้ำให้สะอาดปราศจากฮากไม้
ก็จะได้ปลาซิววัตถุดิบชั้นเลิศ จากดินแดนที่ราบสูง ระหว่างเดินทางกลับ ก็ให้แหงนหน้ามองกกไม้
แนมหา วัตถุดิบชั้นสูงจากยอดไม้ นั้นคือ “ฮังมดแดง” บางบ้านก็เรียก ” ฮังมดส้ม” พะนะ
1. คัดเอาปลาซิวลงใส่ลาละมัง
2.ล้างน้ำให้สะอาด 2 – 3 น้ำ
3. ไส้ขี้ ปลาซิว ( บางคนบอกบ่ต้องไส้ขี้ เสียรสชาติ พะนะ )
3. เทฮวด บัก 2 ซาว ลงคอ แก้คาว
4.ริน ไวน์ขาวอีสานลงใส่ปลาซิว 1กั๊ก ( ฆ่าเชื้อโรค)
5.เอาเกลือสินเธาว์ โรย 1 ช้อนชา
6. ซาว หรือ โคเลให้เข้ากัน
7. บีบ บักนาว ( มะนาวลง 3 ลูก )
8. คะลนให้เข้าเนื้อปลา
9. โข๊ะ (ขั๊วะ) ฮังมดแดง ให้มดแดงกัดเนื้อปลา จนปล่อยกรดสารส้ม อ่ามหล่าม
10 คนและซาว ให้มดแดงผสมกับปลาซิว
11 เอาข้าวคั่วกับพริกแห้งป่น ลงผสม
12 เติมน้ำปลา และ ปลาแดกลงไปปรุงรสตามชอบ
13. นำ ลูกโดดที่ซอยไว้ ลงไปคลุกเค้าพร้อม ผักเครื่องหอมต่างๆ
หากต้องการกินสุก เช่นมีเด็กน้อยกินนำ มีพุสาว กกขาขาวฮาวสูบ ( สูบตีเหล็ก ) กินด้วยก็ให้แบ่งไปคั่วให้สุก
สำหรับพวกนิยม รสชาติ ออริจิน่อน ก็ กินก้อยปลาซิวดิบๆ นั้นหละ
การทำก้อยปลาซิว หรือ อนุมัจฉา วารีถด นิยมทำกินกันเป็นหมู่คณะ ทำกินกันในฤดูเกี่ยวข้าว
ฤดูนวดข้าว ล้อมวงกันกินเป็นทิพย์รส แห่งแผ่นดินที่เรียบง่าย โบราณว่า “น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา”
นั่นคือการเปรียบเทียบ ฤดูกาล กับโอกาส หากจะพูดในเชิงวิทยาศาสตร์ คือ มิติที่ 4 ( เวลา ) นี่เอง
คนอีสานคือนักสู้ที่ทรหด ท่ามกลางฤดูกาลอันโหดร้ายแห้งแล้ง จึงอาศัยมิติที่ 4 กินทั้งปลาและมดพร้อมกัน
รสชาติที่แท้จริง คือ มิตรภาพและความอบอุ่น เรียบง่ายและเป็นจริงตามธรรมชาติ
คนอีสานอาศัยเมนูนี้ หลุดพ้นจากบ่วงบาศความหิวทุกข์ยากของสังขารมานานนับหลายพันปี
ในขณะที่ไม่มี เวทีที่ใดที่เสนอเมนูนี้ต่อชาวโลก ให้ได้ชื่นชม หลุดพ้นจาก โซ่ตรวนทุนนิยม สู่เสรี