แกงแคหลวงพระบาง สูตรดั้งเดิม
แกงแคหลวงพระบาง จะบอกว่าเป็นอาหารของอีสานแท้ ๆ ก็ไม่เชิง เพราะจริง ๆ แล้วแกงแคหลวงพระบางนี้มีที่มาจากเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว
เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในประเทศลาวเพื่อนบ้านของไทยเรา ที่นั่นก็นิยมรับประทานแกงแคพอสมควร และความนิยมในอาหารเมนูนี้ก็ข้ามฝั่งมาถึงอีสาน ซึ่งก็ได้นำมาปรุงแต่งโดยใช้ปลาร้าเป็นเครื่องปรุงรสให้เข้ากับวิถีการรับประทานของคนไทยอีสาน
ส่วนผสมแกงแคหลวงพระบาง
- ปลาดุกสด 1 ตัว
- ปลาย่า (ปลาเนื้ออ่อนย่างรมควัน) 2 ตัว
- มะเขือเปราะ 5 ลูก
- ถั่วฝักยาว 5 ฝัก
- ชะอม 5 ยอด
- ผักบุ้ง 5 ยอด
- ผักชีฝรั่ง 1 ต้น
- ข่า 2 แว่น
- ตะไคร้ 1 ต้น
- หอมแดง 5 หัว
- กระเทียม 1 หัว
- หน่อไม้ต้มหั่นเป็นชิ้น 2 หน่อ
- กระชาย 3 ราก
- พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
- ใบแมงลัก
- ยอดฟักทอง
เครื่องปรุงแกงแคหลวงพระบาง
- ปลาร้ากรองเอาน้ำ ครึ่งถ้วยตวง
- น้ำปลา
วิธีทำแกงแคหลวงพระบาง
- เอาปลาดุกมาควักใส้พุงออก ล้างให้สะอาด แล้วตัดเป็นชิ้น หรือแล่เอาเฉพาะเนื้อก็ยิ่งดี
- ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม กระชาย พริกชี้ฟ้า โขลกรวมกันให้ละเอียด
- เอาเนื้อปลากรอบที่แกะไว้ มาโขลกรวมกันกับเครื่องแกง
- เอาเครื่องแกงใส่หม้อ ใส่น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง ยกตั้งบนไฟ
- พอน้ำแกงเดือดก็เอาปลาดุกใส่ อย่าคนเพราะจะทำให้คาวไม่น่ากิน
- ปล่อยให้เดือดเองแล้วจึงคนเบา ๆ
- เมื่อเนื้อปลาสุกแล้วจึงใส่ผักต่าง ๆ ที่เหลือลงไป
- เติมน้ำปลาร้าปรุงรส หรืออาจจะเพิ่มน้ำปลาด้วยก็ตามชอบ
- พอเดือดก็ใส่ใบแมงลักแล้วยกหม้อลงทันที
แกงแคหลวงพระบาง จะมีรสชาติเค็ม เผ็ด และหอมปลาร้า จะไม่นิยมปรุงให้มีรสเปรี้ยวหรือหวาน รับประทานกับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ จะยิ่งอร่อยขึ้นไปอีกตามสไตล์อีสาน
แกงแคหลวงพระบาง มีเนื้อปลาดุก เนื้อปลากรอบ ได้โปรตีนครบถ้วน ทั้งยังมีสารพัดผักหลากหลายชนิด ทำให้เมนูนี้ได้สารอาหารครบถ้วน ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าอาหารอีสาน แต่เชื่อว่าไม่ว่าใครได้ลิ้มลองก็จะติดใจในรสชาติอย่างแน่นอน