ยืดอายุการใช้งานแฟลชไดร์ฟอย่างไร ให้อยู่กับเรานาน ๆ

ยืดอายุการใช้งานแฟลชไดร์ฟอย่างไร ให้อยู่กับเรานาน ๆ

ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ กระแสความนิยมในการใช้งานอุปกรณ์เก็บข้อมูลอย่างแฟลชไดร์ฟ จะมีอัตราลดลงไปเป็นอย่างมากจนเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่กว่า และสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากกว่าก็ตาม หรืออาจจะเป็นเนื่องจากการที่มีระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงเกิดขึ้นบนโลก ที่ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะเก็บข้อมูลบนออนไลน์ แต่ก็ยังคงมีบางคน ที่ยังคงชอบ และเลือกที่จะใช้งานแฟลชไดร์ฟ หรือในบางกรณี ก็ยังคงมีหลายคนที่เลือกใช้งานแฟลชไดร์ฟกันอยู่อย่างแน่นอน

ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟนั้น ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และมีราคาถูกมาก ๆ บางคนถึงกับมองว่าอุปกรณ์นี้ จะเป็นอุปกรณ์แบบใช้แล้วทิ้งด้วยซ้ำ ไม่ว่าใครจะมองแบบไหนก็ตาม อุปกรณ์สำคัญชิ้นนี้ก็ยังมีประโยชน์กับเรา และหลายคนก็ยังคงเลือกที่จะใช้งานอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง และเก็บรักษาไว้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ด้วยเหตุนี้ในวันนี้เอง เราจะมาอธิบายกันด้วยเรื่องของการยืดอายุการใช้งานแฟลชไดร์ฟ ว่าเราจะสามารถมีวิธีดูแลรักษาอุปกรณ์สำคัญชิ้นนี้อย่างไร ให้อยู่คู่กับเราไปนาน ๆ และเราจะหยิบจะจับขึ้นมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้นั่นเอง

1.ถอดแฟลชไดร์ฟออกจากอุปกรณ์ เมื่อเราไม่ได้ใช้งานแล้ว

การเก็บข้อมูลของอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ไม่ได้เหมือนกับการทำงาน ในระบบฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลลงบนจานแม่เหล็ก แต่ข้อมูลถูกเก็บไว้ในเซลล์ ซึ่งตัวมันมีจำนวนรอบในการเขียนข้อมูลที่มีความจำกัดอยู่มาก ด้วยเหตุนี้เอง หากเราทำการเสียบแฟลชไดร์ฟ ของเราทิ้งไว้ตลอดเวลา ตัวระบบปฏิบัติการ จะมีการทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ด้วยการเขียนข้อมูลเป็นระยะ ๆ  ซึ่งเหตุผลนี้จะเป็นการนับรอบการเขียนข้อมูลโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้ตัวอุปกรณ์ของเราเกิดการเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง

2.หลีกเลี่ยงการบันทึกข้อมูล หรือการแก้ไขไฟล์เอกสารในแฟลชไดร์ฟ

จากที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ในการเก็บข้อมูลนั้น มีรอบในการเขียนข้อมูลที่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นการแก้ไขไฟล์เอกสารบนอุปกรณ์ของเราโดยตรง จึงเป็นการเผาผลาญรอบการเขียนข้อมูลโดยไม่จำเป็นอีกด้วย แน่นอนว่าเราสามารถประหยัดรอบการเขียนข้อมูลของเราได้ในทันที โดยการที่เราคัดลอกไฟล์เอกสารที่เราต้องการแก้ไข ออกมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเราก่อน จากนั้นเมื่อเราทำการแก้ไขงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อยย้ายไฟล์เอกสารของเรากลับคืนสู่อุปกรณ์ของเรา

3.ป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นทางกายภาพ

หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ โดยปกติทั่วไปแล้ว สำหรับคนที่ใช้แฟลชไดร์ฟ จะรู้อยู่กันดีอยู่แล้วว่า อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์ที่มักจะพังก่อนเวลาอันควรอยู่เสมอ ๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาจากการที่แผงวงจรข้างในเสียหายหรืออย่างไร แต่เกิดจากความเสียหายทางกายภาพเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำหล่น ตกน้ำ ตกพื้น โดนความชื้นสูง การโดนความร้อนสูง หรืออาจถูกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนเอาได้ ด้วยเหตุผลนี้เอง เราจึงต้องทำการดูแลรักษาแฟลชไดร์ฟให้ดี อาจจะทำได้โดยการที่เราวางเก็บให้เรียบร้อย อาจจะเก็บไว้ในสถานที่ที่มิดชิด หากล่องหรือถุงมาใส่ให้เรียบร้อย หรือในทุกครั้งที่เราใช้งาน เราควรใช้งานอย่างทนุถนอม

4.ใช้สั่งให้ระบบหยุดการทำงานของอุปกรณ์ของเราก่อน ก่อนที่เราจะดึงออก

ในสมัยก่อนสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราน่าจะเรียนรู้กันเป็นอันดับแรก เมื่อเราใช้งานอุปกรณ์ชนิดนี้ ในการดึงอุปกรณ์ของเราออก ในขณะที่ระบบปฏิบัติการกำลังทำการเขียนข้อมูลอยู่ อาจทำให้เกิดการลัดวงจร หรือทำให้เซลล์เก็บข้อมูลเกิดความเสียหายได้ แต่ในปัจจุบัน เราไม่ต้องทำแบบนั้นอีกแล้ว เพราะ Microsoft ได้ออกมายืนยัน ว่าสามารถถอด แฟลชไดร์ฟ ออกได้เลย ไม่ต้องกด “safely remove” แล้ว ตั้งแต่ Windows 10 เวอร์ชั่น 1809  แต่ต้องรอให้การอัพโหลดข้อมูลเสร็จสิ้นหรือหยุดทำงานก่อนจึงจะสามารถดึงแฟลชไดร์ฟออกได้ ไม่อย่างนั้นไฟล์ข้อมูลก็อาจจะเสียได้

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก https://usb-perfect.com/