Breaking News

ส่วงเฮือ ไหลเรือ ขอขมาผีน้ำผีดิน


ภาษาเขมร รวมคำศัพท์น่ารู้ พร้อมคำแปล
Popular News







Enter your email address below and subscribe to our newsletter

พูดถึงอาหารอีสานที่หลายคนคิดถึงแล้ว รู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมา คงจะหนีไม่พ้น “ส้มตำ หรือ ตำบักฮุ่ง”
โดยมีวัตถุดิบที่สำคัญคือ มะละกอ นั้นเอง

ส้มตำ เป็นอาหารจานโปรดของคนไทยที่คนไทยนั้นนิยมรับประทานมากที่สุด ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าส้มตำเป็นอาหารที่ค่อนข้างรสจัด โดยปกติของคนไทยจะชอบรับประทานอาหารรสจัดๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างส้มตำเป็นเมนูอาหารที่ไม่มีแคลอรี สาวๆจะรับประทานกันบ่อยแค่ไหนก็ไม่อ้วนอย่างแน่นอน วันนี้เราจะมารู้จักกับวัตถุดิบสำคัญของส้มตำกัน ซึ่งนั่นก็คือ มะละกอ
มะละกอ เป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำเมนูส้มตำ แต่ไม่ใช่แค่เพียงเมนูส้มตำเท่านั้นที่สามารถทำได้ เมนูอื่นๆก็สามารถทำได้หลายเมนูด้วยกันไม่ว่าจะเป็นผัดมะละกอใส่ไข่ แกงส้มมะละกอ อีกหลายๆเมนูที่มีมะละกอเป็นส่วนผสม และที่น่ารับประทานมากๆเลยก็คือมะละกอแบบสุกที่ยิ่งทานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสุขภาพดี มะละกอสุกช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เป็นอย่างดีทีเดียว
[ads1]
ปลูกมะละกอเพื่อเสริมรายได้
ชาวสวนที่ปลูกมะละกอส่วนใหญ่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามะละกอช่วยให้พวกเขามีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะมันขายง่าย และสามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งในเรื่องของการปลูกนั้นก็สามารถปลูกได้ง่าย เพราะต้นมะละกอจะสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพอากาศอยู่แล้ว
การเตรียมดินเพื่อปลูกมะละกอ
การปลูกมะละกอไม่ตองการต้นพันธุ์ที่ดีหรือสวยงามที่สุด เพียงแต่ทุกท่านเตรียมเมล็ดพันธุ์ของมะละกอที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เตรียมดินในการปลูกด้วยการพรวนดินให้ร่วน ผสมด้วยเศษใบไม้ เศษฟาง ดูลักษณะของดินไม่ให้มีความแข็งหรือเหนียวจนเกินไป ควรใช้น้ำเป็นตัวช่วยในการเตรียมดินด้วย การนำเมล็ดพันธุ์ลงปลูกนั้นสามารถทำได้ด้วยการนำเอาไปเพาะในถุงก่อน แล้วเมื่อเมล็ดพันธุ์เริ่มงอกแล้วจึงย้ายลงหลุมบนพื้นดินธรรมดาได้
การดูแลรักษาต้นมะละกอ
ต้นมะละกอจะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วและง่ายมาก ไม่ว่าจะด้วยสภาพอากาศแบบใดก็ตาม ขอเพียงแค่รดน้ำเป็นประจำทุกวัน ในช่วงแรกที่ต้นกล้าของมะละกอเริ่มมีการเจริญเติบโตอาจจะช่วยใส่ปุ๋ยลงไป และอีกหนึ่งการดูแลที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เรื่องของศัตรูพืช ในช่วงแรกๆของการเติบโต เมื่อมีต้นกล้าอ่อนๆขึ้นควรดูแลเป็นอย่างดีเพราะว่าศัตรูพืชพวกแมลง หรือหอยทากสามารถกัดกินทั้งต้นได้ภายในคืนเดียว ยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่หอยทากเยอะมากที่สุด มันสามารถกินได้ทั้งต้นจนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
มะละกอเป็นพืชที่โตง่าย และดูง่าย เก็บผลผลิตออกมาก็ขายได้ราคาดีพอสมควรยิ่งช่วงที่ส้มตำขายดี นักท่องเที่ยวรับประทานกันเยอะ ช่วงวันหยุด ช่วงเทศกาลยิ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถ้าอยู่บ้านว่างๆอยากลองให้มาปลูกมะละกอ เพราะถึงแม้ว่าไม่ได้ปลูกเพื่อเอาไว้ขาย แต่รับรองว่าได้รับประทานอย่างแน่นอน
เรามาดูวิธีการปลูกวัตถุดิบกัน
1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
– ต้นมะละกอมี 3 เพศคือ ต้นตัวเมียผลจะกลมป้อม, ต้น กะเทยผลจะยาว และต้นตัวผู้มีแต่ดอกเป็นสายยาวไม่มีผล
การเลือกพันธุ์ให้คัดเอาแต่เมล็ดจากต้นกะเทยที่ให้ผลผลิตดี ลักษณะดี คัดเอาผลที่เริ่มสุก แก้มแดง แล้วบ่มให้สุก
โดยการห่อกระดาษหนังสือพิมพ์จึงผ่าเอาเมล็ดมาล้างเมือกหุ้ม เมล็ดออก ตากแห้งเก็บไว้ใช้ทำพันธุ์ ข้อมูลจากเกษตรกรชาวสวนบอกว่าเมล็ดจากช่วงกลางผลจะเป็นกะเทยมากที่สุด

2. การเพาะกล้า
– การเพาะกล้า ให้แช่เมล็ดแห้งในน้ำ 2 คืน แล้วนำไปเพาะในถุงเพาะกล้า หรือแปลงเพาะ
– ดินปลูก ใช้ดินร่วนหรือดินเหนียว(ดินทาม หรือ ดินริมแม่น้ำ หรือดินจอมปลวก) 3 ส่วน ปุ๋ยคอกเก่าหรือขี้ไก่ 1 ส่วน และแกลบเผา 3 ส่วน ใช้ถุงขนาด 4 × 6 นิ้ว
– เพาะเมล็ดที่แช่น้ำแล้ว ลงในถุงๆละ 3-4 เมล็ด 7 วันจะเริ่มงอก เมื่ออายุ 30 วันให้ถอนเหลือ 1 ต้น อายุ 60 วันนำไปปลูกได้ดีที่สุด ควรเพาะกล้าที่ร่มพลางแสง 50-70% รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าให้แฉะเกินไป
3. การปลูก
– ระยะปลูก 2.50 × 2.50 ม. 1 ไร่ใช้กล้าประมาณ 256 ต้น หรือ 3.0×3.0 ม. หรือ 2.0X4.0ม.
– ขุดหลุมปลูก ไม่ต้องลึกมากเพาะมะละกอรากตื้น (ประมาณ 50 ซม.) รองก้นหลุม ด้วยปุ๋ยคอก 1 ปุ้งกี๋
เลือกใช้ปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ ตราบัวทิพย์ สูตร2 1 ช้อนแกง มะละกอจะชอบขี้ไก่ หรือปุ๋ยคอกเก่า
– ให้เลือกใช้ปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ ตราบัวทิพย์ สูตร2 เดือนละครั้งๆละ ประมาณ 1-2 ช้อนแกง ร่วมกับปุ๋ยคอกตามสมควร
หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ 4-5 กำมือ เริ่มออกดอก เมื่อครบอายุ 3 เดือน เลือกใช้ปุ๋ยเคมี-อินทรีย์ ตราบัวทิพย์ สูตร2
เดือนละครั้งเพื่อเพิ่มการติดผลและเพิ่มความหวาน การใส่ปุ๋ยเคมีอย่าใส่ใกล้ต้น ใส่เมื่อดินมีความชื้นหรือรดน้ำตาม
– อายุ 6-8 เดือน เก็บผลผลิตได้ขึ้นกับการดูแลรักษา การให้น้ำที่สม่ำเสมอ อายุการเก็บผลผลิต ถึง 2 ปี จึงปลูกใหม่
ควร ปลูกในพื้นที่ใหม่ ไม่ซ้ำที่เดิมเพื่อลดปัญหาโรคและแมลง
– การให้น้ำควรให้น้ำแบบพ่นฝอย(สปริงเกลอร์) วันละ 1 ชม.
– การคลุมดินด้วยฟางจะช่วยรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืชได้เป็นอย่างดี
– ใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำเสมอ

แหล่งอ้างอิง: https://colossal-hill-140986.wp1.shwww.kasetorganic.com/การปลูกมะละกอ.html
ขอขอบคุณข้อมูลจากกลุ่มแม่บ้านอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร
ร้านเจ๊ณีส้มตำ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร