
Newsletter Subscribe
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
เมื่อพระเจ้าทรงธรรมเสด็จถึงอำเภอนครน้อย (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอท่าเรือ” ในปีพ.ศ.2459) ทรงจอดเรือพระที่นั่งที่นั่น ทรงโปรดฯ ให้สร้าง “พระตำหนักท่าเจ้าสนุก” ขึ้นมา เพื่อให้ข้าราชบริพารได้ใช้เป็นที่พักผ่อนระหว่างเสด็จพระราชดำเนิน จึงเรียกว่าอำเภอ “นครน้อย” กว่าขบวนเสด็จฯ จะมาถึงบริเวณนั้นก็เป็นเวลาเย็น ด้วยความเมื่อยล้าอ่อนเพลีย บรรดาเหล่านางสนมกำนัลและข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ต่างก็ลงเล่นน้ำกันเป็นที่สนุกสนาน
ต่อมาในภายหลังบริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “ตำบลท่าเจ้าสนุก” ซึ่งปัจจุบันตัวพระตำหนักดังกล่าวไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็นรูปร่างลักษณะ คงมีเพียงซากวัสดุเหลือพอให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นพระตำหนักเก่าแก่ก่ออิฐถือปูน เช่น อิฐแผ่น กระเบื้องดิน กองและจมดินอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะจมอยู่ใต้พื้นดินเนื่องจากน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำดื่มน้ำใช้ เป็นหลักฐานที่สำคัญ 1 บ่อ ที่สร้างขึ้นไว้ให้ข้าราชบริพารได้ใช้ตักดื่มกิน สร้างด้วยอิฐฉาบปูน มีขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 6 เมตร ลึกกว่า 50 เมตร ที่ผนังภายในบ่อด้านทิศตะวันออก มีซุ้มประตูเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นบ่อลึกมากขุดต่อมาจากใต้แม่น้ำป่าสัก เวลาน้ำขึ้นน้ำในบ่อก็ขึ้นตามจนเกือบเต็ม ข้าราชบริพารก็สะดวกในการตักใช้ดื่มกินไม่ต้องเดินไปตักที่ริมฝั่ง เวลาน้ำลงก็เดินลงไปตักที่ประตูภายในบ่อ ปัจจุบันบ่อดังกล่าวยังคงสภาพใกล้เคียงกับของเดิม แต่ก็ตื้นเขินไปเยอะ
หลังจากพักแรมที่พระตำหนักท่าเจ้าสนุก เป็นเวลา 1 คืน ในวันรุ่งขึ้นพระเจ้าทรงธรรม พร้อมด้วยข้าราชบริพารได้เสด็จขึ้นฝั่งที่ท่าเกยท้องที่อำเภอท่าเรือ อยู่ฝั่งตรงข้ามปัจจุบันคือบริเวณวัดไม้รวก เพื่อทรงช้างพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
บ่อน้ำศักดิ์สิทธ์อายุ 400 ปี ก่อสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งถูกค้นพบและอนุรักษ์ไว้ให้คงสภาพเดิมเพื่อชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป