การฟ้อนรำจังหวัดสกลนคร
การฟ้อนภูไทในจังหวัดสกลนคร เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มสร้างองค์พระธาตุเชิงชุมซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนครทุกชนเผ่า (คือมีการดัดแปลงปราสาทหินแบบเขมรแล้วครอบทับสร้างเป็นพระธาตุในศิลปะแบบล้านช้างขึ้นแทน) ชาวภูไทเป็นชนเผ่าที่รับอาสาที่จะเป็นผู้ปฏิบัติรักษาหาเครื่องสักการบูชาพระธาตุ ทุกๆปีเมื่อถึงฤดูข้าวออกรวง จะมีการเก็บเกี่ยวข้าวบางส่วนเพื่อนำไปทำเป็น “ข้าวเม่า” ซึ่งชาวภูไทจะนำเอาข้าวเม่ามาถวายการสักการะองค์พระธาตุเชิงชุม ซึ่งมักจะมีขบวนแห่ เรียกว่า “แห่ข้าวเม่า” และมีการฟ้อนรำรอบๆองค์พระธาตุ
ฟ้อนภูไทสกลนคร
แต่เดิมเป็นการฟ้อนรำของผู้ชายเพื่อบูชาพระธาตุในเทศกาลสักการะองค์พระธาตุ แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนผู้ฟ้อนมาเป็นผู้หญิงทั้งหมด เพราะท่วงท่าและลีลาการฟ้อนซึ่งจะดูสวยงามและอ่อนหวานมากกว่า ผู้ฟ้อนหญิงชาวภูไทจะแต่งกายตามแบบสตรีชาวภูไทสกลนคร และมีการสวมเล็บยาวในการฟ้อนรำอีกด้วย ต่อมาชาวภูไทในท้องถิ่นอื่นในจังหวัดสกลนครได้มาพบเห็นจึงได้นำไปประยุกต์ท่าฟ้อนขึ้นอีก และมีการแต่งเนื้อร้องประกอบการแสดงเพิ่มเติมอีกด้วย
ยกตัวอย่างเนื้อร้องฟ้อนภูไทที่กรมศิลปากรนำออกไปเผยแพร่จนรู้จักกันในทั่วไป ซึ่งแต่งโดย อ.บุญปัน วงศ์เทพ โรงเรียนบ้านหนองศาลา ตำบล พังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
![ฟ้อนภูไทสกลนคร](https://cdn.esan108.com/main/wp-content/uploads/2019/09/ฟ้อนภูไทสกลคนรร-200x300.jpg)
ฟ้อนภูไทสกลนคร
เนื้อร้องฟ้อนภูไท(สกลนคร)
ไปเย้อไป ไปโห่เอาชัยเอาซอง(ซ้ำ) ไปโฮมพี่โฮมน้อง ไปร่วมแซ่ฮ้องอวยชัย
เชิงเขาแสนจน หนทางก็ลำบาก(ซ้ำ) ตัวข้อยสู้ทนยาก มาฟ้อนรำให้ท่านชม
ข้อยอยู่เทิงเขา ยังเอาใจมาช่วย(ซ้ำ) พวกข้อยขออำนวย อวยชัยให้ละเน้อ
ขออำนาจไตรรัตน์ จงปกปักฮักษา(ซ้ำ) ชาวไทยทั่วหน้า ให้วัฒนาสืบไป
เวลาก็จวน ข้อยสิด่วนไป(ซ้ำ) ขอความมีชัย แด่ทุกท่านเทอญ
ข้อยลาละเน้อ ข้อยลาละเน้อ…..
ในปัจจุบันการฟ้อนภูไท นอกจากเป็นการฟ้อนเพื่อบูชาพระธาตุเชิงชุม หรือบ้างก็นำมาฟ้อนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พิธีเลี้ยงเจ้าปู่มเหศักดิ์ของชาววาริชภูมิ ก็ได้นำมาใช้ในการฟ้อนต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและในงานเทศกาลต่าง ๆ
ท่าฟ้อนภูไทมีผู้สืบต่อและปรับปรุงกันมากมายหลายท่า แต่ละท้องถิ่นมีท่าแตกต่างกันไป ท่าหลักที่พบนิยมฟ้อน ได้แก่ ท่าบัวตูม-บัวบาน ท่าแซงแซวลงหาด ท่าบังแสง ท่านาคีม้วนหาง ท่านางไอ่เลาะดอน หรือนางไอ่เลียบหาด เป็นต้น
เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการฟ้อนภูไท ได้แก่ แคน กลองหาง พิณ กลองตุ้ม (ตะโพน) กลองเส็งหรือกลองกิ่ง โปงลาง ฉาบ หมากกั๊บแก๊บ (กรับ) ฆ้องโหม่งและพังฮาด (ฆ้องโบราณไม่มีปุ่ม) การแสดงจะบรรเลงดนตรีลายภูไทเลาะตูบ
![ฟ้อนภูไทสกลนคร](https://cdn.esan108.com/main/wp-content/uploads/2019/09/ฟ้อนภูไทสกล-200x300.jpg)
ฟ้อนภูไทสกลนคร
เนื้อร้องฟ้อนภูไทสกลนคร
ผู้แต่ง :ครูบุญปัน วงศ์เทพ
ซุมข้าน้อยเป็นชาวภูไท ถิ่นอยู่ไกลอีสานบ้านเกิด
แดนประเสริฐอุดมสมบูรณ์ ศูนย์โฮมใจคือองค์พระธาตุ
(สร้อย) สาวน้อยนางเอย สาวภูไทเอย (ดนตรีและกลองให้จังหวะรับเท่ากับ 1 เนื้อร้อง)
มีหนองใหญ่ ชื่อว่าหนองหาน มีภูพานเป็นราชนิเวศน์
อยู่ในเขตสกลนคร ทางสัญจรไปมาบ่ยาก
(สร้อย) สาวน้อยนางเอย สาวภูไทเอย (ดนตรีและกลองให้จังหวะรับเท่ากับ 1 เนื้อร้อง)
ซุมข้าน้อยโฮมจิตโฮมใจ เป็นคนไทยมีความฮักชาติ
เอกราชคือดังดวงใจ บ่ให้ไผมาดึงเอาได้
(สร้อย) สาวน้อยนางเอย สาวภูไทเอย (ดนตรีและกลองให้จังหวะรับเท่ากับ 1 เนื้อร้อง)
สามัคคีเป็นของเลิศล้ำ จะบังเกิดให้แต่ทางดี
เฮาจงมีสามัคคีกันไว้ ไทยจักได้อยู่สุขสบาย
(สร้อย) สาวน้อยนางเอย สาวภูไทเอย (ดนตรีและกลองให้จังหวะรับเท่ากับ 1 เนื้อร้อง)
ซุมข้าน้อยขออำนวย ให้ถาวรมีสุขทั่วหน้า
ให้ได้สิ่งสมปรารถนา แด่ทุกบรรดาทุกๆท่านเทอญ
(สร้อย) สาวน้อยนางเอย สาวภูไทเอย (ดนตรีและกลองให้จังหวะรับเท่ากับ 1 เนื้อร้อง)
………………………………………….
การแต่งกาย
เสื้อ นิยมทำเป็นเสื้อแขนกระบอกติดกระดุมธรรมดา กระดุมเงิน หรือเหรียญสตางค์ เช่น เหรียญสตางค์ห้า สตางค์สิบ มาติดเรียงเป็นแถว นิยมใช้เป็นผ้าย้อมครามเข้มจนดำมีผ้าขลิบแดงติดชายเสื้อ เช่น ที่คอสาบเสื้อ ปลายแขนปัจจุบัน นุ่งผ้าซิ่นพื้นสีดำต่อตีนซิ่นขิดยาวกรอมเท้า
ผ้าเบี่ยงนิยมใช้ผ้าแพรขิดสีแดง พาดไหล่ซ้ายแล้วไปมัดที่เอวด้านขวา สวมส่วยมือยาว(เล็บ)ทำมาจากกระดาษหรือโลหะพันด้วยด้ายและมีพู่ที่ปลายเล็บสีขาวหรือแดง ผมเกล้ามวยมัดมวยผมด้วยผ้าแดงบางครั้งก็ทัดผมด้วยดอกไม้สีขาวหรือไม่ก็ฝ้ายภูไท และสวมเครื่องประดับเงิน เช่น สร้อยคอ ต่างหู กำไล