
Newsletter Subscribe
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
ผู้ที่เจ้าปู่ศรีสุทโธได้นำไปประกวดชายงามนั่นก็คือ ท่านหลวงปู่คำตา ศิริสุทโธ วัดสิริสุทโธ คำชะโนดในปัจจุบัน (หลวงปู่คำตา เกิดที่บ้านวังทอง ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี) ท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าปู่ศรีสุทโธหรือเกี่ยวข้องกับพยานาค และเกิดขึ้นกับชีวิตจริงๆของหลวงปู่คำตาศิริสุทโะตลอดมานั้น ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
เมื่อท่านอายุได้ 17 – 18 ปี วันหนึ่งซึ่งเป็นวันทำบุญประเพณีบุญเดือน 6 ของชาวบ้านวังทอง เวลาประมาณบ่ายสอง ท่านและเพื่อนๆหนุ่มด้วยกัน ได้ไปซักผ้าที่บ่อน้ำประจำหมู่บ้าน อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 เส้น ขณะที่ซักผ้า ท่านทำหน้าที่ตักน้ำให้เพื่อนๆ ขณะที่ท่านก้มลงตักน้ำ ก็ปรากฏมีปลาไหลตัวใหญ่ขนาดเท่ากระป๋องโอวัลติลกระป๋องใหญ่เห็นจะได้ ตาแดงขนาดเกือบเท่าลูกปิงปองโผล่ขึ้นมาให้ท่านเห็น ท่านจึงตะดกนเรียกเพื่อนๆให้มาดู แต่ปลาไหลได้มุดลงใต้น้ำทันที ทำให้น้ำในบ่อสั่นสะเทือนเป็นคลื่นลูกใหญ่อย่างน่ากลัว ท่านตกใจมาก รีบเข้าไปในหมู่บ้านเล่าให้พี่น้องได้ทราบ ญาติพี่น้องเห็นเหตุการณ์ผิดปกติจึงสั่งให้พยายามระมัดระวังตัวเอาไว้
หลังจากนั้นต่อมาประมาณเดือน 8 ในเวลากลางวันประมาณบ่ายสองบ่ายสามเห็นจะได้ มีฝนตกชาวบ้านก็ออกไปยกยอหาปลาในลำห้วยใกล้ๆบ้าน ท่านก็ได้ไปพร้อมๆกับชาวบ้าน ขณะที่ท่านยกยออยู่นั้นจะมีปลามาเข้ายอของท่านมากผิดปกติจากชาวบ้านคนอื่นๆ และยกยอต่อไปไม่นานก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น คือ คล้ายมีปลาตัวใหญ่มาอยู่ในยอของท่าน ท่านดีใจรีบยกยอขึ้น แต่เมื่อพ้นน้ำก็กลายเป็นกระบอกปูน(เต้าปูน) พอท่านยื่นมือจะหยิบมาดูก็ดิ้นเหมือนปลากระโดดลงน้ำและเกิดสั่นสะเทือนทั่วบริเวณ ท่านตกใจจนจับไข้จึงรีบเข้าไปในหมู่บ้านเล่าให้ญาติพี่น้องได้ทราบ
ต่อมาอีกประมาณกลางเดือน 9 ในเวลาพลบค่ำ ฝนตก ท่านรู้สึกง่วงมากไม่รู้สึกหิวข้าวและไม่รอกินข้าวร่วมกับครอบครัวท่านเข้านอนก่อนใครๆ พองีบหลับก็ฝันไปว่ามีสาวๆหลายคนมาชวนไปเที่ยวงานบุญแล้วท่านก็เดินลงมาจากบ้านโดยไม่รู้ตัว มุ่งหน้าสู่ลำห้วยที่เคยไปหาปลาโดยสั่งลาหลานที่เล่นอยู่หน้าบ้านว่าจะไปอาบน้ำแล้วก็รีบเดินไป ญาติพี่น้องเห็นท่าทางผิดปกติจึงรีบวิ่งไล่ตามไปเอากลับมาบ้าน ญาติพี่น้อง 5 – 6 คน ดึงฉุดกลับมา แต่ท่านไม่รู้สึกตัว ญาติพี่น้องช่วยกันปฐมพยาบาลเป็นเวลานานไม่ยอมฟื้นตื่น สลบอยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งมีญาติคนหนึ่งเอาปืนมาจ่อยิงใกล้ๆหูจึงตื่น ฟื้นสติคืนได้ ขณะที่ท่านหลับหรือสลบไปนั้นท่านเล่าว่าสาวๆที่ชวนไปเที่ยวได้นำไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งกำลังจัดพิธีให้ท่านแต่งงานกับสาวคนหนึ่ง ขณะที่จะเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญแต่งงานนั้นก็ได้ฟื้นสติกลับคืนมาพอดี
เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้บวชเป็นพระ เรื่องที่ผิดปกติต่างๆก็เงียบหายไป ไม่ปรากฏอีก จนกระทั่งได้ลาสิกขาจากพระออกมาประกอบอาชีพอยู่ในหมู่บ้านวังทอง วันหนึ่งเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นอีกกล่าวคือ ในเดือน 11 เวลากลางวันประมาณบ่ายสองโมง ได้ออกไปเกี่ยวข้าวที่นาบ่อผักไหม พอกลับมาจากไร่ได้ลงไปอาบน้ำที่บ่อผักไหม (อยู่ห่างจากเมืองชะโนดประมาณ 3 เส้น) พออาบน้ำเสร็จเดินขึ้นไปเถียงไร่(กระท่อมทำไร่) ก็พบผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรออยู่บนกระท่อม อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ นั่งกอดเข่าข้างเดียวหันหลังให้ เป็นคนแปลกหน้าซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อนึกถึงเรื่องที่เคยปรากฏขึ้นในความฝันเมื่อหลายปีก่อน ก็เกิดความกลัวขึ้นมาทันที ท่านจึงเอ่ยถามด้วยความกลัว มาจากไหน มาหาใคร หญิงคนนั้นตอบมาว่า มาพร้อมกับพ่อตู้สี (ตาสีเป็นพี่เขยของหลวงปู่คำตา) ผู้หญิงเขาเล่าลือกันว่าอาจารย์คำตาเป็นคนสวยงามมาก จึงอยากจะมาพบบ้าง ท่านถามต่อไปว่าบ้านอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า อยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วๆไป พอได้ฟังดังนั้นยิ่งนึกกลัวขึ้นมาก จึงรีบตอบปกปิดไปว่า ท่านรู้จักอาจารย์คำตาดี เพราะบ้านอยู่ใกล้เคียงกันแล้วท่านก็หาทางเลี่ยงพูดไปว่า ขอไปปัสสาวะเดี๋ยวเดียว พร้อมกับวิ่งลงกระท่อมอย่างรวดเร็ว เข้าไปในไร่เล่าให้พี่เขยฟังและชวนกันรีบออกมาดูที่กระท่อม ปรากฏว่าหญิงคนนั้นได้หนีหายไปแล้ว
[ads1]
เนื่องจากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวท่านบ่อยครั้งเหลือเกิน จากการไปซักผ้า ไปหาปลา ในความฝัน และเกี่ยวกับหญิงแปลกหน้ามาตามหาอาจารย์คำตานี้เอง ทางญาติพี่น้องจึงได้ปรึกษาหารือกัน หาวิธีการช่วยเหลือไม่ให้เกิดอันตรายขึ้น จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ “คำตา” เปลี่ยนเป็นชื่อ “สุภาพ” และทำพิธีแต่งงานสมมติขึ้นให้อย่างเหมาะสม หลังจากนั้นก็ให้ย้านหนีออกไปจากหมู้บ้านวังทองไปอยู่ในวัดบ้านหนองกา อาศัยอยู่กับท่านพระครูคำ(พระครูสุภารโสภณ)เป็นเวลา 7 วัน แล้วค่อยกลับมาอยู่ที่บ้านวังทองตามเดิม อยู่ต่อมาสองเดือน ญาติพี่น้องก็ได้จัดพิธีแต่งงานจริงๆให้ ชีวิตครอบครัวของอาจารย์คำตาดำเนินไปอย่างมีความสุข จนกระทั่งภรรยาคลอดลูกชายคนแรกได้ไม่นานก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับอาจารย์คำตาอีก
กล่าวคือประมาณปลายเดือน 12 น้ำเริ่มลดลง ในคืนหนึ่งท่านฝันว่าเจ้าปู่ศรีสุทโธมาหาที่บ้าน มาขอให้ไปประกวดชายงามประจำปี แต่ในฝันคืนแรกไม่ตกลงกันและได้ฝันติดต่อกันอีกหลายคืนจรกระทั่งคืนวันสุดท้าย เจ้าปู่ศรีสุทโธได้ถามเหตุผลที่ไม่ยอมไปประกวดว่ามีปัญหาขัดข้องอะไรบ้าง ท่านจึงได้บอกเจ้าปู่ไปว่ากลัวจะพลัดพรากจากครอบครัวและกลัวจะตายจากลูกเมีย เจ้าปู่ยอมรับทุกอย่างจะไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด จะคุ้มครองให้ปลอดภัยและได้กลับมาอยู่บ้านวังทองร่วมกลับครอบครัวแน่นอน ในที่สุดเมื่อเจ้าปู่ขอร้องหนักๆเข้าจึงตกลงไปประกวดชายงามตามคำขอโดยขอร้องเจ้าปู่ว่าเมื่อประกวดเสร็จจะต้องรีบนำกลับคืนมาบ้านโดยเร็ว เจ้าปู่รับปากปฏิบัติตามทุกอย่าง สรุปว่าความฝันในคืนสุดท้ายตกลงไปประกวดชายงามโดยนัดหมายวันเวลากันเรียบร้อย(ปกติท่านฝันถึงเจ้าปู่มักจะฝันเฉพาะในวันพระ คือ 8,15 ค่ำ) เมื่อเล่าเรื่องที่ฝันให้ญาติพี่น้องฟังก็เกิดความกลัวกันไปทั่ว รวมทั้งญาติพี่น้องทุกคนและชาวบ้านที่ได้รู้เรื่องการฝันกลัวว่าอาจารย์คำตาต้องตายจากไป และกลัวว่าจะมีอันตรายต่างๆจะเกิดกับอาจารย์คำตาและครอบครัว จึงได้ช่วยกันดูแลเอาใจใส่ระมัดระวังภัยช่วยกันอย่างใกล้ชิด พอถึงวันกำหนดหมายที่เจ้าปู่จะมารับไปประกวด ผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศให้ลูกบ้านทุกคนไม่ให้ออกนอกเขตหมู่บ้านให้ทุกคนมารวมกันที่บ้านอาจารย์คำตาเพื่อช่วยกันเฝ้าอาจารย์คำตาและช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งบนบ้านและบริเวณนนอกบ้านมาคอยเฝ้าดูแลตั้งแต่เช้าตรู่่ ครั้งพอถึงเวลานัดหมาย คือเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง จารย์คำตาก็นอนอยู่บนบ้านเป็นปกติเกิดมีสิ่งดลใจให้ชาวบ้านและญาติทุกคนปรึกษาหารือกันและลงความเห็นกันว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับจารย์คำตาหรอก เพราะอาจารย์คำตาก็ปกติทุกอย่าง ไมม่มีอะไรที่ผิดปกติเป็นสิ่งบอกเหตุ แล้วก็มีสิ่งดลใจให้ทุกคนกลับบ้านเรือนของตนเอง ชาวบ้านและญาติพี่น้องต่างก็ทยอยกลับบ้านกันเกือบหมด ทันใดนั้นเอง อาจารย์คำตาซึ่งนอนหลับงีบไปได้ลุกขึ้นวิ่งงลงจากบ้านตรงไปสู่ทุ่งนาใกล้ลำห้วยทางทิศตะวันตกหมู่บ้านซึ่งเคยไปหาปลา ญาติพี่น้องก็วิ่งไล่ตามอย่างใกล้ชิดแต่จารย์คำตาก็วิ่งหายไปในพริบตานั้นเอง ทางกลางกอข้าวที่กำลังออกรวงชาวบ้านระดมกันช่วยค้นหาทั่วทุ่งนาแต่ก็ไม่เจอชาวบ้านและญาติพี่น้องที่ช่วยกันค้นหาต่างหมดปัญญาที่จะตามหาได้ จึงไปให้หมอดูหมอธรรมช่วยดูดวงเหตุความเป็นไปให้หมอดู หมอธรรมก็บอกว่าเจ้าปู่มารับไปประกวดชายงามแล้วขอให้ฐาติพี่น้องหายห่วง อย่าตกอกตกใจ จารย์คำตาปลอดภัยดีจะไม่เป็นภัยอันตรายใดๆทั้งสิ้น แต่ญาติพี่น้องก็ไม่ลดละที่จะค้นหา พยายามค้นหาต่อไปจนกระทั่งเวล่ประมาณห้าโมงครึ่งของตอนเย็นในวันนั้น ก็พบจารย์คำตานอนสลบอยู่คันนา (ตรงจุดที่เห็นหายไป) เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก เพราะตรงจุดนี้ชาวบ้านและญาติๆเดินค้นหาผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เจอแต่พอกลับมากลับปรากฏนอนสลบอยู่อย่างไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง ชางบ้านจึงช่วยกันมาหามร่างที่สลบเข้ามารักษาปฐมพยาบาลในหมู่บ้าน พยาบาลกันอยู่นานจึงฟื้นสติ พอฟื้นท่านก็บอกว่าเห็นญาตาิพี่น้องร้องไห้ระงมเพราะคิดว่าท่านตายไปแลัว พอฟื้นขึ้นมาแล้ว ท่านก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ญาติพี่น้องและชาวบ้านที่ไปเฝ้าดูอาการอยู่เต็มบ้าน เป็นลำดับดังนี้
เมื่อถึงเวลานัดเจ้าปู่ศรีสุทโธได้นั่งพาหนะชนิดหนึ่งมารับที่บ้าน มีลักษณะคล้ายอู่แต่บินไปบินมาเหมือนเครื่องบิน ท่านจึงเรียกว่า “อู่ยนต์” ที่นั่งสวยงามเหมือนธรรมมาสน์ (ที่พระนั่งเทศนา) เมื่อรับท่านแล้วก็บินตรงไปทิศเดียวกับเมืองชะโนด แต่จำไม่ได้แม้นว่าจะเป็นเมืองชะโนดหรือไม่เพราะเป็นเมืองสวยงาม มีปราสาทมีบ้านเรือนมากมาย สวยงาม อู่ยนต์นั้นก็ตรงไปที่ปราสาทที่สุดที่สุดและสวยที่สุดซึ่งเป็นปราสาทของเจ้าปู่ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งชุดใหม่ด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม แต่งตัวเสร็จเจ้าปู่ก็ได้ฝึกสอนวิธีการเดิน วิธีนั่ง และวิธีใช้สายตามองกรรมการอย่างละเอียด พอได้เวลาก็เดินไปยังเวทีประกวดคล้ายๆกับว่าอยู่ด้านทิศตะวันออกของเมืองหรือของราชวังนั้น เวทีประกวดกว้างใหญ่มาก มีคนคอยชมการประกวดมากมาย มีกรรมการนั่งเรียงแถวให้คะแนนสองด้าน เดินขึ้นเวทีแล้วเข้าไปยังห้องที่จัดเอาไว้เป็นห้องๆ มีคนประกวดทั้งหมดหกคน ให้เข้าไปคนละห้อง โดยมีผ้าขาวกั้นห้องแต่ละห้อง มีพี่เลี้ยงคอยดูแลฝึกสอนผู้เข้าประกวดของตนเองประจำทุกคน สำหรับจารย์คำตานั้นก็มีเจ้าปู่ศรีสุทโธเป็นพี่เลี้ยง เวลาเริ่มประกวดกรรมการให้สัญญาณเสียงดังคล้ายสัญญาณดังของหวอดโรงสีข้าวกรรมการเริ่มชักผ้าขาวกั้นหน้าออกให้ผู้เข้าประกวดทั้งหกคนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเวทีที่จัดไว้ให้ กรรมการให้สัญญาณครั้งที่สอง ให้ทุกคนเดินกลับเข้าห้องเดิมของตนเอง ต่อมาให้เดินออกมาทีละคู่ 1-2 , 3-4 , 5-6 จารย์คำตาเป็นเบอร์ 1 เดินออกสามเที่ยว เสร็จแล้วกรรมการก็รวมคะแนนตัดสินผลการประกวด ผลปรากฏว่าจารย์คำตาได้ชนะเลิศ หมายเลข 6 ได้ที่สอง จารย์คำตาดีใจมาก กรรมการมอบรางวัลให้ไม่ยอมรับ ประกวดเสร็จกรรมการก็มาเจรจาขอให้จารย์คำตาไปประกวดต่อที่ปากกระดึงและปากงึมแต่เจ้าปู่ศรีสุทโธไม่อนุญาติ เพราะต้องรีบนำจารย์คำตาส่งกลับบ้านตามที่เจ้าปู่ได้สัญญาไว้กับจารย์คำตาในฝัน และเจ้าปู่ก้ได้นำส่งกลับบ้านโดยอู่ยนต์เครื่องเดิมมาลงที่บ้านจารย์คำตาและแล้วอาจารย์คำตาก็ฟื้นตื่นขึ้นมาท่ามกลางญาติพี่น้องร้องไห้ระงม หลังจากไปประกวดชายงามแล้วก็ไม่มีเหตุการร้ายแรงเกิดขึ้นอีก