การปลูกพริก

การปลูกพริก สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด เนื่องจากเป็นพืชเขตร้อน ทนความแห้งแล้งได้ดี แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย เพราะจะช่วยระบายน้ำ ไม่มีน้ำท่วมขังหรือชื้นแฉะ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหารากเน่าและตายได้

ฤดูปลูก

พริกสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ปลูกได้ผลดีที่สุดระหว่างเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่เก็บผลผลิตในฤดูแล้ง ทำให้สะดวกในการตากแห้ง และอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตจะอยู่ที่ 24 – 29 องศาเซลเซียล แต่ถ้าหวังให้ได้ราคาสูงจะต้องปลูกในเดือนเมษายน – พฤษภาคม และเดือนสิงหาคม –กันยายน เนื่องจากเป็นช่วงที่พริกปลูกยากที่สุด จึงมีราคาสูงตามไปด้วย

การเตรียมเมล็ดพันธุ์

ปัจจุบันนิยมใช้พันธุ์ลูกผสมซูเปอร์ฮอท ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ไปเพาะ คัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ออกโดยนำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำสะอาด เมล็ดพันธุ์ที่เสียจะลอยน้ำให้คัดออก จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ไปแช่น้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที ก่อนนำไปเพาะกล้า

การเพาะเมล็ดพันธุ์ในแปลง

นำเมล็ดพันธุ์หว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลง หรือโรยเมล็ดเป็นแถวลงไปในร่องลึก 0.6 – 1 เซนติเมตรห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร กลบด้วยปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้วหรือดินผสมละเอียด รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางแห้งหรือหญ้าแห้งบางๆ เมื่อกล้าเริ่มงอกมีใบจริงอายุประมาณ 12 – 15 วัน ถอนแยกต้นที่เป็นโรคไม่สมบูรณ์หรือต้นที่ขึ้นเบียดกันทิ้ง ให้มีระยะห่างกันพอสมควร และควรให้ปุ๋ยเสริมทางใบเพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตและแข็งแรง เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 30 – 40 วัน จึงย้ายลงปลูกในแปลงใหญ่ได้

การเตรียมดินปลูก

การเตรียมดิน ควรขุดหรือไถดินให้ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ตากดิน 5-7 วัน ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณ 20 กิโลกรัมต่อเนื้อที่ 5 ตารางเมตร พรวนย่อยผิวหน้าดินให้ละเอียด

การให้น้ำทำได้ 2 วิธี

1) การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ เป็นวิธีที่เกษตรกรใช้กันมาช้านาน  ข้อดีคือ น้ำกระจายตัวไปทั่วแปลง จ่ายปริมาณน้ำได้สูง ใช้เวลาสั้น สร้างความชุ่มชื้นให้ต้นพริกและแปลงปลูก แถมยังช่วยไล่แมลงศัตรูพืชได้อีกด้วย แต่ข้อเสียคือ เกิดเชื้อโรคพืชได้ง่าย เนื่องจากความชื้น ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำต้นพริกในตอนเย็น และในกรณีที่แหล่งน้ำไม่สะอาด มีการปนเปื้อน ก็มีผลต่อต้นพริกได้เช่นกัน

2) มินิสปริงเกอร์แบบหัวฉีดฝอย ระบบนี้สามารถปล่อยปุ๋ยไปพร้อมกับระบบน้ำได้ ค่อนข้างเป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นการสร้างความชื้นให้ทั่วหน้าดิน แต่ข้อเสียคือ ต้องใช้เวลาในการให้น้ำนาน และหัวฉีดอุดตันได้ง่าย ดังนั้น น้ำที่ใช้ต้องผ่านระบบกรองที่ดีพอสมควร ไม่มีเศษใดๆเข้ามาในระบบการให้น้ำ

การกำจัดวัชพืช

ในระยะที่ต้นพริกยังเล็ก ควรมีการกำจัดวัชพืชบ่อยๆ หากวัชพืชคลุมต้นพริกช่วงระยะการเจริญเติบโต จะทำให้แคระแกร็น มีคุณภาพผลผลิตไม่ดี โดยอาจใช้สารเคมีเท่าที่จำเป็น

 การใส่ปุ๋ย

พริกเป็นพืชที่มีอายุการเก็บผลค่อนข้างยาวนาน ปุ๋ยที่ใช้ควรเป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบ เช่น ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21 ในอัตรา 25-50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือขึ้นอยู่กับสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อเป็นการช่วยเสริมการเจริญเติบโต นอกจากนี้ ควรใส่ปุ๋ยน้ำทางใบบ้าง โดยฉีดพ่นทุกครั้งหลังการเก็บเกี่ยว

ทั้งนี้ การใส่ปุ๋ย ควรแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกปริมาณครึ่งหนึ่งก่อนปลูก ถือเป็นปุ๋ยรองพื้น พรวนกลบลงในดินโรยปุ๋ยไนโตรเจนใส่ข้างต้นพริกห่างจากโคนพริกประมาณ 2 นิ้ว เมื่ออายุ 10 -14 วัน หลังจากย้ายกล้า ใส่ครั้งที่สองปริมาณอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ใส่โรยข้างแล้วแต่งหน้าด้วยปุ๋ยไนโตรเจนพรวนกลบลงในดิน

การเก็บเกี่ยว

– หลังจากปลูกประมาณ 70-75วัน

– เก็บเกี่ยว 15-18 วันครั้ง (10-12 ครั้ง /รุ่น)

– ก่อนเก็บเกี่ยว 7 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ/ต้น ทำให้ต้นสมบูรณ์แตกยอด ออกดอก

– หลังจากเก็บเกี่ยว 4-5 ครั้ง ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ/ต้น เพื่อเพิ่มผลผลิต

– ฉีดฮอร์โมนหลังการเก็บเกี่ยวในแต่ละครั้ง เพื่อให้การแตกยอด ออกดอก ติดผลดี

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ

  • food.mthai.com
  • allkaset.com
  • เกษตรอินทรีย์.com

มี 1 บทความลิงก์มาที่การปลูกพริก

กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*