
Newsletter Subscribe
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
Enter your email address below and subscribe to our newsletter
“ลีลาวดี” เป็นนามของดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ใช้เรียกแทนชื่อเดิม คือ “ดอกลั่นทม” หรือภาคอีสานจะเรียกชื่อของดอกไม้ชนิดนี้ว่า “ดอกจำปา” เมื่อ พ.ศ. 2547 ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง(วงแคน) มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้มีการประชุมหารือเพื่อสร้างสรรค์ชุดการแสดงใหม่ขึ้นเพิ่มเติม จากชุดการแสดงฟ้อนรำประจำจังหวัดมหาสารคามที่มีอยู่แต่เดิม เช่น ฟ้อนทอเสื่อบ้านแพง ฟ้อนกลองยาวชาววาปีปทุม ระบำจัมปาศรี ระบำสันตรัตน์ ฟ้อนแห่ประเพณีบุญเบิกฟ้า ฯลฯ
โดยได้มีแนวความคิดร่วมกันว่า ดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคามคือ ดอกจำปา(ดอกลั่นทมขาว) จึงได้เอาแนวคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นชุดการแสดงในชื่อชุดว่า “ฟ้อนลีลาวดี” โดยแสดงถึงลักษณะความงดงามของดอกจำปาและความงามของหญิงสาวชาวอีสานที่ใช้ดอกจำปามาประดับผม
ท่วงทำนองของดนตรีเริ่มจากช้าและเร็วขึ้น ในท่วงทำนองลายเพลงจะสื่อความหมาย เกี่ยวกับความลึกลับ ความงดงามชวนหลงใหล เนื่องจากดอกจำปาเป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ จึงเปรียบเสมือนกุลสตรีชาวอีสานที่เพียบพร้อมในการปฏิบัติตนในหลักเฮือน 3 น้ำ 4 อย่างที่สตรีชาวอีสานสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
ออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายโดย นายอดิศักดิ์ สาศิริ สร้างสรรค์ทำนองดนตรีโดย นายสุวิทย์ วิชัด ประดิษฐ์ท่าฟ้อนโดยสมาชิกกลุ่มนาฏศิลป์ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง (วงแคน) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
การแสดงชุด “ฟ้อนลีลาวดี (จำปาขาว)” ได้นำไปแสดงเผยแพร่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 ณ งานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษาครั้งที่ 7 “ออนซอนศิลป์ ศรี มอดินแดง” ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ใช้วงดนตรีพื้นเมืองอีสานบรรเลงลายจำปาขาว ลายเอ้หย่องดวงจำปาและบรรเลงลายโปงคองัว(วัว)
ผู้แสดงเป็นหญิงล้วน สวมเสื้อแขนกระบอกสีขาว ปกเสื้อเป็นแบบพับคล้ายเสื้อของชาวจีนมีขอบเป็นผ้าลายขิดสีทอง มีผ้าสไบขิดสีเหลืองพาดไหล่ซ้ายทิ้งชายลงมา ชายด้านหน้าคาดทับด้วยเข็มขัดเงิน นุ่งซิ่นมัดหมี่สีเขียวยาวกรอมเท้า มวยผมปักปิ่นเงินและช่อดอกจำปาสีขาว สวมเครื่องประดับเงิน