ผญาอีสาน รวมปรัชญาคำสอน ภาษิต

ผญา ปรัชญาอีสาน

วรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน มีอยู่หลายรูปแบบทั้งมีสัมผัสและไม่มีสัมผัส แต่วรรณกรรมที่ถือว่าโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และรู้จักกันทั่วไปในภาคอีสาน ได้แก่ ผญา (ผะ-หญา) 

ผญา คืออะไร

ผญา หมายถึง คำพูดหรือสำนวน มีความหมายลึกซึ้ง สะท้อนวัฒนธรรม สังคม ความเชื่อ ฯลฯ  โดยมีนักคิด นักเขียน นักวิชาการได้ให้ความหมายของผญาหลากหลาย เช่น 

ปรีชา พิณทอง (2532 : 528) ได้ให้ความหมายว่า ผญา (น.) หมายถึง ปัญญา, ความรู้, ความฉลาด คำภาษิตที่มีความหมายลึกซึ้งเรียกว่า ผญา

วีระ สุดสังข์ ได้อธิบายว่า ผญาเป็นวรรณคดีอีสาน แต่งขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์ชีวิต ร่วมกับอารมณ์ความรู้สึกด้านต่าง ๆ สรุปบทเรียนของชีวิตอย่างทะลุปรุโปร่ง สะท้อนภาพของสังคมได้อย่างชัดเจน

นงลักษณ์ ขุนทวี (มปป.) ให้ความหมายเกี่ยวกับคำว่าผญา ไว้ว่า เป็นคำภาษาถิ่นอีสาน ตรงกับภาษาไทยกลางว่า ปัญญาหรือปรัชญา เพราะในภาษาถิ่นอีสาน จะใช้เสียง ผ แทนเสียง ป หรือ ปร ในภาษาไทยกลาง เช่น เผด เป็น เปรต, โผด เป็น โปรด, ผาบ เป็น ปราบ, ผาสาด เป็น ปราสาท

สำนักงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น (2540 : 45) ได้สรุปความหมายของ ผญา ไว้ดังนี้ ผญา (น.) เป็นคำพูดของนักปราชญ์ถิ่นอีสานโบราณและเป็นภาษาที่มีอายุมากพอสมควร ผญาเป็นคำที่ถ่ายทอดมาจากคำว่า ปัญญา และปรัชญา ซึ่งอพยพมาตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา นักปราชญ์โบราณอีสานเปลี่ยนจากคำเดิมคือ ปัญญา เป็น ผญา เพื่อความสะดวกหรือเพื่อความเหมาะสมกับภาษาถิ่นก็อาจเป็นได้ ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้ ดังนั้น คำว่า ผญา ก็คงมีความหมายเช่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ (มปป.) ให้ความหมายว่า คำผญา หรือ ผะหยา เป็นกาพย์กลอนพื้นเมืองอย่างหนึ่ง ที่แสดงความคิด ปัญญา ความฉลาดหลักแหลมของชาวบ้าน พร้อมกันนั้นก็เป็นคำพูดที่แสดงถึงความมีไหวพริบปฏิภาณอันหนักแน่นระหว่างหนุ่มสาว หญิงชาย ที่ยกขึ้นมาเพื่อถามไถ่เกี่ยวกับความรู้รอบตัว ทัศนคติคุณสมบัติที่มีความรักต่อกัน

จารุวรรณ ธรรมวัตร (2526 : 116) กล่าวว่า ผญาหรือผะหยา เป็นลักษณะกวีนิพนธ์ชาวบ้านแสดงถึงความคิดอันเฉียบแหลมซึ่งแฝงอยู่ในคำพูดที่เต็มไปด้วยแง่งามทางภาษา มีลักษณะเรียบง่ายและอบอวลด้วยกลิ่นไอของสังคมชนบท ประดับเป็นอาภรณ์แห่งถ้อยคำ

สำลี รักสุทรี (2543 : 155) ศึกษาและกล่าวไว้ว่า ผญาเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตอันล้ำค่าของชาวอีสาน นักปราชญ์โบราณอีสานแต่งขึ้นเพื่อให้คติสอนใจและให้ผู้คนนำไปเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนอีสานจากอดีตจนถึงปัจจุบันสามารถดำรงความเป็นหมู่กตุ่ม ความเป็นญาติพี่น้อง มีการช่วยเหลือเอื้ออาทรแบ่งปัน เฉถี่ยเจือจาน มีน้ำใจที่ดีงามต่อกันส่วนใหญ่จะอาศัยแนวคำสอนจากผญาภาษิตซึ่งแทรกปนอยู่ในวรรณกดีอีสานบ้าง นิทานพื้นบ้านบ้าง เป็นคติในการดำเนินชีวิต

โดยสรุปแล้ว ผญา จึงเป็นวรรรณคดีประเภทร้อยกรองหรือกาพย์กลอน ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญา ความคิด มีความหมายที่ลึกซึ้ง สะท้อนสังคม วัฒนธรรม การเมือง และความเชื่อของสังคมอีสาน

ประวัติความเป็นมาของผญา

“ผญา” เป็นภูมิปัญญาของภาคอีสานและบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง หมายถึง คำคม คำพูดหรือถ้อยคำ ของนักปราชญ์อีสาน  กล่าวกันว่า “ผญา” นั้นมาจากคำว่า “ปัญญา” หรือ “ปรัชญา”  คำผญาเป็นคำพูดที่คนอีสานนิยมใช้พูดจาหรือบอกกล่าวกัน มักมีความหมาย

โดยนัยหรือเชิงเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นถึงปัญญา ปรัชญา วิธีคิด ความชาญฉลาดของคนอีสาน ผญาอีสาน เกิดจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้ 

  • ขนบธรรมเนียมประเพณี
  • หลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา
  • คำสอนของปู่ย่าตายายที่สืบทอดกันมา คำสอนของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก ครูบาอาจารย์ที่มีต่อศิษย์ พ่อแม่ที่มีต่อลูกหลาน เป็นต้น
  • การเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว เอาแรงบันดาลใจหรือความรู้สึกภายใจที่อยากจะบอกต่อกันและกัน จึงกล่าวออกมาด้วยคำคมเชิงโวหารภาพพจน์ต่าง ๆ แล้วเกิดการโต้ตอบถ้อยคำแก่กันและกัน
  • การละเล่นของเด็กในท้องถิ่น การเล่นกันระหว่างเด็กแล้วมีการตั้งคำถามอย่างเช่น ปริศนาคำทาย แต่แทนที่จะถามโดยตรงกับสร้างเป็นถ้อยคำที่คล้องจองกัน
  • นิทานพื้นบ้าน
  • สภาพแวดล้อมต่าง ๆ สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตแล้วเกิดแรงบันดาลใจให้เกิดถ้อยคำในใจและมีการกล่าวถ้อยคำ
  • ที่คล้องจองแก่กันและกัน ในโอกาศที่เดินทางไปมาค้าขาย หรือกิจกรรมอื่น ๆ (อดิศร เพียงเกษ, ๒๕๔๔: ๙๖)

ความสำคัญและคุณค่าของผญา

ผญาอีสานแบ่งได้หลายประเภทตามความหมายและการตีความเนื้อหาของผญา เช่น ผญาเกี้ยว เป็นคำพูดที่หนุ่มสาวใช้พูดจาเกี้ยวพาราสีหรือหยอกล้อกัน อาจใช้เป็นคำเปรียบเปรยหรือมีความหมายได้หลายทาง ผญาคำสอน เป็นผญาที่สั่งสอนหรือชี้แนะแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ ผญาปรัชญาหรือปริศนา เป็นคำพูดที่ต้องมีการตีความให้เป็นรูปธรรมอีกต่อหนึ่ง และผญาสุภาษิตหรือผญาภาษิต เป็นคำพูดที่เป็นข้อเตือนใจและชี้แนะให้คนในสังคมประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม

รูปแบบโครงสร้างของผญาอีสาน มีทั้งแบบมีสัมผัสและไม่มีสัมผัส คนอีสานในอดีตใช้ผญาในโอกาสต่าง ๆ โดยทั่วไป ทั้งในงานประเพณีหรือในกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ เช่น ในงานพิธีทำบุญ งานแต่งงาน ในการละเล่นพื้นบ้านหรือแม้ในชีวิตประจำวัน การแสดงพื้นบ้าน เช่น หมอลำ จะมีผญาสอดแทรกอยู่มากในปัจจุบัน

ผญาอีสานมีผู้ใช้น้อยลงทุกขณะและมีบทบาทลดลงทุกที ครูหมอลำจำนวนมากก็ไม่ได้ใช้คำผญาในการแสดงเหมือนเช่นแต่ก่อน ผู้กล่าวผญามักเป็นผู้สูงวัย ผญาจึงอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงต่อการสูญหาย ซึ่งที่ปรากฏใช้ก็อยู่ในลักษณะกระจัดกระจายทั่วไปในภาคอีสาน

นอกจากนี้ การเก็บรวบรวมคำผญา การแสดงความหมายของคำที่ปรากฏในผญา การตีความคำผญาทั้งบทและการจัดเก็บคำผญาให้เป็นหมวดหมู่เท่าที่มีอยู่ยังมีความหลากหลายและยังไม่สมบูรณ์ ชุมชนที่พบว่ามีการรวมตัวกันสืบทอดผญาอีสาน เช่น จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์มุกดาหารและอุบลราชธานี  คุณค่าและความสำคัญของผญา มีดังนี้

  • การถ่ายทอดความรู้และสั่งสอนแก่ลูกหลาน ลูกศิษย์ ประชาชน ของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และพระสงฆ์ ผ่านการประกอบพิธีกรรม การแสดงมหรสพ โดยใช้ถ้อยคำที่เป็นภาษิตหรือผญาเป็นสื่อนำมาสอน เพราะผญาเป็นถ้อยคำที่แฝงไว้ด้วยคติธรรมและมีความไพเราะสละสลวยรัดกุม 
  • ความบันเทิง คนอีสานมักจะกิจกรรมการเล่นและมหรสพประจำท้องถิ่นอีสานชนิดหนึ่ง คือ หมอลำ เมื่อคนอีสานมีงานประจำปีหรืองานบุญงานกุศลต่าง ๆ มักจะมีหมอลำซึ่งถือว่าเป็นศิลปะการแสดงที่เป็นภูมิปัญญาคู่มากับคนอีสาน และในคำร้องของหมอลำที่แสดงนั้น ล้วนแต่เป็นถ้อยคำที่เป็นผญาแทบทั้งสิ้น 
  • มีบทบาทต่อการอนุรักษ์วรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน คนอีสานเมื่อไปอยู่ในที่ใด ๆ ถ้าได้มีการจัดกิจกรรมร่วมกันหรือแม้กระทั่งคุยกันในกลุ่มของคนอีสานแล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือการพูดผญา สอดแทรกขึ้นมาในระหว่างการสนทนาเสมอ

นอกจากผญาที่เป็นคำร้องหมอลำแล้ว ก็ยังมีการกล่าวผญาโต้ตอบระหว่างกันและกัน เรียกว่า การจ่ายผญา หรือแก้ผญา พูดผญา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลำผญาญ่อย ลักษณะของการจ่ายผญาคือ หมอลำหรือผู้เล่นจะนั่งเป็นวง ส่วนผู้ฟังอื่น ๆ ก็จะนั่งเป็นวงล้อมรอบ แล้วมีการจ่ายผญากันและกัน และจะมีหมอแคนเป่าให้จังหวะไปด้วย

บางครั้งการจ่ายผญาก็มีในกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เข็นฝ้ายหรือปั่นฝ้าย ฝ่ายชายก็จะลำเกี้ยวฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงก็จะเข็นฝ้ายไปด้วยจ่ายผญาไปด้วย นับว่าเป็นการสร้างความสนุกสนานให้กับคนอีสานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหนุ่มสาวอีสาน

ประเภทของผญา

ผญา แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้

  • ผญาคำสอน หรือผญาภาษิต ผญาคติสอนใจ เช่น “ครันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพญา อย่าสิลืมชาวนาผู้ขี่ควายคอนกล้า”
  • ผญาอวยพร เช่น “นอนหลับให้เจ้าได้เงินหมื่น นอนตื่นให้เจ้าได้เงินแสน แปนมือไปให้ได้แก้วมณีโชติ โทษฮ้ายอย่าพาล มารฮ้ายอย่ามาเบียด”
  • ผญาเกี้ยว ผญาเครือ ผญาย่อยหรือผญาโต้ตอบ เป็นการใช้ถ้อยคำพูดโต้ตอบกันเชิงเกี้ยวพาราสี ทักทายปราศัย สรรเสริญเยินยอ หรือความอาลัย เช่น การเกี้ยวพาราสีกันระหว่างหญิงชาย เช่น “คันอ้ายคึดฮอดน้องให้เหลียวเบิ่งเดือนดาว สายตาเฮาสิก่ายกันอยู่เทิงฟ้า”
  • ผญาปริศนา เรียกว่า ผญาปริศนา-ปัญหาภาษิต

นอกจากนี้ก็ยังสามารถแบ่งประเภทของผญาได้แยกย่อยไปอีก เช่น

ทางเว็บไซต์จะนำมาอัปเดตเพิ่มเติมให้เป็นประจำ รอติดตามกันได้เลยเด้อ

เนื้อหา ซ่อน

ผญาอีสาน แบ่งตามหมวดหมู่

ผญาภาษิต

การใช้ถ้อยคำที่กล่าวเป็นร้อยกรองสั้น ๆ แฝงไว้ด้วยคติธรรม คำเตือนใจ หรืออีนัยหนึ่งคือ ข้อความที่เป็นอุปมาอุปมัย ให้ผู้ฟังได้คิด ตีความ สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติในทางที่ดีงามถูกต้อง

  • เกลี้ยงแต่นอกทางในเป็นหมากเดือ หวานนอกเนื้อในสัมจังบักนาว แปลว่า หวานนอก ขมใน
  • ของดีนี้คนทำยากยิ่ง ของฮ้ายนี้ทำได้ซู่ยาม แปลว่า ความดีคนทำยาก ความชั่วทำง่ายทุกเวลา
  • คิดไปหลายนับมื้อหยุ้งมุงมาคือฮากไผ่ คิดไปหลายนับมือพ้อ พอแล้วบ่อยากเห็น แปลว่า ยิ่งคิดยิ่งยุ่งเหมือนรากกอไผ่ ยิ่งคิดยิ่งเจอเบื่อไม่อยากเห็น
  • ความปากหวานจังอ้อย ใจส้มจังหมากนาว แปลว่า ปากหวานใจเปรี้ยว
  • สาวมีหลายชู้คือกันกับข้าวห่อ บาดเพิ่นกินอิ่มแล้วไลถิ่นแต่ตอง แปลว่า สาวหลายใจก็เหมือนข้าวห่อจะถูกทอดทั้งเหมือนใบตอง
  • มีปลาบ่มีหม้อซิเอาหยังต้มอ่อม หม้อนั้นคันช่างเขาบ่ปั้นบ่มีได้อ่อมแกง แปลว่า มี ปลาก็ต้องมีหม้อต้ม หม้อจะมีก็ต้องอาศัยช่าง
  • พริกอยู่เฮือนเหนือ เกลืออยู่เฮือนใต้ หัวสิงไดอยู่เฮือนเพิ่น
  • แนวนามเชื้อสิงดงปล้องห่าง พิษบ่ซ้อนกลายใกล้เพิ่นบ่กลัว แปลว่า งูสิงคงไม่มีพิษคนไม่กลัว
  • แนวนามเชื้อทำทานปล้องถี่ คันได้ตอดพี่น้องบ่ทันได้สังไผ แปลว่า งูสามเหลี่ยมถ้ากัดใครแล้วตายยังไม่ได้สั่งเพื่อน
  • แนวเด็กน้อยตากอความคึดม่อ ได้ ก. ข. ข้อหล่อดวามเว้าอยู่ดาว แปลว่า เด็กตาป๋อหลอคิดตื้นๆ รู้ ก. ไก่ ข. ไข่ ก็พูดโออวดนัก
  • แนวความรู้ในเฮือนหายาก คันบ่ออกจากบ้านบ่มีได้ท่อใย แปลว่า ต้องออกจากบ้านไปแสวงหาวิชา
  • เลี้ยงช้างเถ้าขายงาได้กินค่า เลี้ยงช้างน้อยตายจ้อยจุ่มทึน แปลว่า เลี้ยงช่างแก่เอางาขาย เลี้ยงลูกช้างตายแล้วขาดทุน
  • ใจบ่โสดาด้วยเว้าแม่นก็เป็นผิด ใจบ่โสดาดอมเว้าดีก็เป็นฮ้าย แปลว่า ใจไม่สมัครพูดถูกก็เบ็นผิด พูดดีก็เบ็นร้าย
  • งัวเห็นหญ้า แมวเห็นปลา เด็กน้อยเห็นเข้าจี่ แม่นซิฮ้ายฟู้ ๆ ปานนั้นก็บ่หนี
  • กินเพราะปาก อยากเพราะท้อง เทียวขี้แม่นขา
  • เสือสางช้างกวางฟานอาศัยป่า ป่าอาศัยสัตว์สิ่งฮ้าย จั่งหนาแน่นมืดมุง แปลว่า สัตว์ร้ายอาศัยป่า ป่าอาศัยสัตว์ร้าย จึงอยู่หนาทึบ
  • คันเฮาหนีไกลบ้าน เฮือนชานซิเป็นป่า บ้านซิเป็นเหล่าเฮื้อเคือเกี้ยวมืดมุง แปลว่า เราไม่อยู่บ้าน บ้านก็จะกลายเป็นป่า คือต่างก็อาศัยกัน
  • มักเหล้นเสียความชู้ มักชู้เสียความหลัก
  • ควายตู้มักชน คนจนบักเว้า
  • ฝนตกขี้หมาไหล คนจังไฮบ่ฮักหมู่ แปลว่า คนจัญไรไม่รักเพื่อนฝูง
  • ความดีฝังไว้เก้าศอก ความซ้ายฝังนอกเก้าวา แปลว่า ความดีเอาไว้ใกล้ความชั่วไว้ไกล
  • ใจหนักได้กินข้าว ใจเบาได้กินนุ่น
  • ชาติอ้อยตกปากช้าง บ่มีมื้อสิคาย
  • ช้างหนีจากป่าไม้กอไผ่มันเป็นขี มันบ่มีแนวกินแสบพุงพวนท้อง แปลว่า กอไผ่เป็นขุยตายช้างจำหนี
  • นาดีถามหาเข้าปลูก ลูกดีถามหาพ่อแม่ แปลว่า นาข้าวผลผลิตดีเพราะคนปลูก ลูกเป็นคนดีสะท้อนถึงพ่อแม่เลี้ยงดูมาดี
  • มีเงินบ่มีคำเฝ้าจาหนีมื้อฮ้อยเที่อ มีคำบ่มีอินอ้อยออยได้กะบ่พัง แปลว่า มีเงินก็ต้องมีทองคำและมีอิ่นอ้อยด้วย อิ่นอ้อย คือหอยชนิดหนึ่งถือเป็นของมีค่าและศักดิ์สิทธิ์คนร่ำรวย สมัยโบราณมีไว้เป็นเครื่องประดับ
  • แนวเสือบ่หนีเชื้อ  แนวเกียบ่หนีบ่าง แนวขี้กะท่างบ่หนีเชื้อขี้กะปอม แปลว่า เสือก็เหมือนเผ่าพันธุ์มัน ค้างคาวก็คล้าย ๆ บ่าง จิ้งก่าชนิดใหญ่ก็เหมือนกิ้งก่าชนิดเล็ก
  • แมงวันเขียวตายย้อนขี้ สาวผู้ดีตายย้อนอ่ง แปลว่า แมงวันตายเพราะขี้ สาวสวยตายเพื่อหยิ่งในความสวย
  • เป็นขี้ข้าอาชญา เป็นหมาวัด แปลว่า โบรานว่าดี
  • เฮือนบ่มีสีหน้ากาบินมามันซิล่วง เฮือนบ่มีพ่อบ้านโจรซิเข้าล่วงของ แปลว่า ครอบครัวไม่มีพ่อบ้านโจรไม่กลัว
  • เฮียนนำพ่อ ก่อนำครู (นำ = ตาม, เอาอย่าง)
  • เชื้อชาติช้างหางยาวสนุกแกว่ง เชื้อไก่กุ้มหางสั้นแกว่งบ่คือ (ไก่กุ้ม แปลว่า ไก่หางสั้น, คือ แปลว่า เขาท่า)

ผญาปริศนา ปริศนาธรรม

  • เจงเลงน้ำทาวหาบ่เห็นต่อน ซดแต่น้ำคาแข้วแสม่งตาย
  • ปูมหลวงบอกยาป้าง แม่ฮ้างบอกยาเสน่ห์ (ปูมหลวง แปลว่า คนท้องโต ป้าง แปลว่า โรคท้องบวม แม่ฮ้าง แปลว่า หญิงที่หย่ากับผัว)
  • สองเขือเถ้าเฮ็ดนากลางโคก บีบ่โชคได้สาม บีบ่งามได้สี่ ปีบ่ได้ดี้ๆ ขางเล้าเอ่นกลาง (สองตายายทำนาที่ดอนสูง ปีที่โชคไม่ดีได้ 3 เท่า ปีที่ข้าวไม่งามได้ 4 เท่า บีที่ไม่ได้เลย ยุ้งข้าวจะหักพัง?
  • อยากกินข้าวให้ปลูกใส่พะลานหิน อยากมีศีลให้ข้า (ฆ่า) พ่อตีแม่ อยากให้เพื่อนมาแวะให้ข้า (ฆ่า) หมู่เดียวกัน อยากมีสีสันไห้นอนดินเกือกฝุ่น อยากอุ่นให้อาบน้ำยามหนาว อยากกินปลาขาวให้แบกปืนขึ้นโคก อยากกินไก่ผู้โอกให้สักสุ่มลงหนอง?
  • เฮือนมุงหญ้าฝนตกมาสังมาฮั่ว บาดว่าลดหญ้าไว้ฝนเท่งบ่ถอง
  • ไซหลังหถ้าบ่หมานปลาถืกแต่เต่า ไปยามแต่เช้าคลำพ้อว่าแม่นโพน โนน ๆ มีแต่หญ้าหยา ๆ คือซากไผ่ ทางในมีแต่หยุ้งคือกุ้งซิแก่นดี
  • กวางกินหมากขามบ้อมไปคาคอมัง มังบขี้สามมื้อกระต่ายตาย กระต่ายตายแล้ว เหนอ้มเน่านำ
  • กรรมสังโอ้ โอทองสังมาแตก บาดกะโป๋หมากพร้าวสั่งมาหมั้นกว่าโอ
  • คนจนมั่งมี เศรษฐีทุกข์ไฮ้ ของหาได้แต่บ่มี ของมีหาบ่ได้
  • งัวตายกินหญ้า หมาตายหอนเห่า เต่าตายดิ้นได้ จัวน้อยเขี้ยนพระครู
  • น้ำไหลไปเหนือ เฮือไหลไปไต้ ปูปลาอยู่กับที สังมาเบ็นจังชี้เบ็นหน้าอยากหัว
  • จ่งพันเฮือไว้  หลายลำแซท่า หม่าเข้าไว้ หลายบ้านทั่วเมือง
  • ทำคุณได้โทษ โผดสัตว์ได้บาป
  • ไก่น้อยไห้กินนมนำกา หมูหมาไห้กินนมเสือโคร่ง ปลาอยู่น้ำ สังมาย้ายสู่ดง
  • เงินหัวขวันเจ้า เข้าหัวขวันหมา
  • ผูกควายใส่หินลาด เคาบ่ขาดควายก็ตาย
  • นกเขาเปิดเข้า นกกาเวาเปิดไข่ นกไส่เปิดด้วง งอเงี้ยวตอดโกน
  • อัศจรรย์ใจโอ้ตักแตนโมป้องหมู่มั่ง เขียดจ่านาป้องหมู่ช้าง โงโค้งเข้าท่งหลวง
  • เว้าเล่นเป็นอีหลี ตี่หีเป็นปลาย้าง ขางไฟเป็นปลาปีน
  • เว้าต่ำผียำลง เว้าสูงผีจูงขึ้น
  • เว้านำหมาหมาเลียปาก เว้านำสากสากวัดหัว (วัด แปลว่า กระทบ, โดน)
  • บ้านใกล้เกลือกินดัง (ด่าง) อยู่ใกลัคลังย้อมคลั่งบ่แดง นอนตะแคงผีงแดดบ่อุ่น สวดจุ้มบุ้มมืองุ้มบ่เถิง
  • คนทุกข์นุ่งดี คนมีนุ่งขาด นักปราชญ์บ่เว้าหลาย
  • นกเขาเปิดข้าว นกกาเวาเปิดไช่ นกไส่เปิดด้วงแนวนี้ช่างเบ็น (เปิด แปลว่า เบื่อ, นกไส่ = นกหัวขวาญ หรือนกกะไน)
  • สองผิดบ่แม่น สองแล่นบ่เพียง ?
  • บักหอยโข้งไหลมาโอ่งโล่ง ถิ้มใส่น้ำก็เหลือ ถิ้มใส่เฮือก็ล้น ถิ้มใส่บ่าวสำน้อย  ตายเกลี้ยงบ่เหลือ

ผญาคติสอนใจ

  • เป็นเสนาแล้วอย่าเบิดดังเหิน อย่าเลินเลินหลายแท่นซิเพพงบ้าง แปลว่า มีตำแหน่งแล้วอย่าเห่อ อย่าลืมตัวเก้าอี้จะพัง)
  • ฟันขวานให้ล้ำปลายผ้า ฟันพร้าให้ล่ำปลายตีน แปลว่า ใช้ขวานใช้ม็ดพันไม้ระวังมันจะถูกแข้งถูกขา
  • เพิ่นนั่งไห้โตอย่านั่งหัว เพิ่นชังโตอย่าโงไปด่า แปลว่า เพื่อนร้องไห้อย่าหัวเราะ เพื่อนโกรธอย่าไปด่าตอบ
  • คันเจ้าได้ขี่ช้างกั้งฮ่มเบ็นพญา อย่าซะลืมคนจนผู้ขี่ควายคอนกล้า แปลว่า เบ็นใหญ่เป็นโตอย่าลืมคนจน
  • เป็นพญาให้เหลียวเบิ่งไพร่ เป็นใหญ่ให้เหลียวเบิ่งบริวาร
  • ปลูกเฮือนอย่าให้ไกลกว้าน ปลูกฮ้านอย่าให้ใกล้ทางหลวง แปลว่า อย่าปลูกเรือนไกลหัวหน้าหมู่บ้าน อย่าปลูกร้านคือยกพื้นติดกับถนนหลวง)
  • ไปเที่ยวบ้านให้เบิ่งหนทาง เห็นคนตาฟางให้หลีก
  • บ่อนผู้ใหญ่อย่าไปนั่งแทน ของหวงแหนอย่าได้ไปต้อง ของพี่น้องอย่าได้ไปขอ แปลว่า อย่าไปนั่งที่ของผู้ใหญ่ อย่าขอของรักจากคนอื่น
  • ลาบงัวอย่าเสียดายเข้าขั้ว (เข้าขั้ว แปลว่า ข้าวคั่ว)
  • เป็นผู้ชายให้เรียนความรู้ มักเหล้นชู้ให้ค่อยเพียรจา แปลว่า ลูกผู้ชายต้องเรียน อยากมีแฟนต้องพยายามพูดจา
  • อยากเห็นให้ไปเที่ยว มีเสี่ยวให้หมั่นไปยาม
  • อย่าเบียนสัตว์น้อย อย่าป้อยยังผี อย่าติเทวดา อย่าว่าโตดี
  • อย่าได้มัวเมาเหล้าการพนันเบี้ยโบก ลางเที่อโชคบ่ให้ถงเป้ซิขาดกลาง
  • ญิงฮ้าย ชายแฮง น้ำแกงฮ้อน ให้ระวังเด้อ
  • ปลูกไม้ให้เป็นดง ปลูกบงให้เป็นเหล่า แปลว่า ทำอะไรทำให้จริง ๆ
  • อย่าปากก่อนกวาน อย่าขานก่อนเจ้า แปลว่า อย่าปากเปราะก่อนผู้ใหญ่
  • ช่างให้เป็นครู ดุให้เป็นเศรษฐี แปลว่า ฉลาดจนเป็นครู ขยันจนรวย
  • เฮ็ดอีหลีจังเห็นหีลูกเพิ่น เฮ็ดเหล่น ๆ เห็นแต่สิ้น (ซิ่น) ของเขา แปลว่า ทำจริงๆ จึงจะได้ลูกสาวเขา

ผญาคำสอน

  • คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า แปลว่า ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้วก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง
  • ใจประสงค์สร้าง กลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้านกลางบ้านกะว่าดง แปลว่า ถ้าใจสู้ (ขยัน) อยู่กลางป่าก็เหมือนกลางทุ่ง ถ้าเกียจคร้านแม้อยู่กลางหมู่บ้านก็เหมือนในกลางป่า
  • อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์ พี่น้องเก่า อย่าสุละ เผ่าเชื้อ ไปย่องผู้อื่นดี แปลว่า อย่าได้ลืมญาติพี่น้องของตัวเอง ไปยกย่องว่าผู้อื่นดีกว่า
  • ฝนตกยังฮู้เอื้อน นอนกลางคืนยังฮู้ ตื่น ความทุกข์ยังฮู้เตื้อง มีขึ้นเมื่อลุน แปลว่า ฝนตกยังซาได้ นอนหลับยังรู้ตื่น ความทุกข์ก็
  • มีโอกาสกลายเป็นสุขในวันข้างหน้า (ถ้าพยายาม)
  • หญิงฮูปฮ้ายครองวัตรพางาม ชายฮูปทรามวิชาพาฮุ่ง แปลว่า หญิงแม้รูปชั่ว แต่จริยาวัตรทำให้งดงามได้ ชายแม้รูปทราม วิชาติดตัวก็ส่งให้เจริญรุ่งเรืองได้
  • ความตายนี้แขวนคอทุกบาดย่าง ไผก็แขวนอ้อนต้อนเสมอด้ามดังเดียว แปลว่า ความตายติดตามเหมือนเงาตามตัว ไม่มีผู้ใดหลุดพ้น
  • ให้เจ้าคอยเพียรสร้าง เสมอแตนแปงซ่อ ให้สร้างก่อสืบไว้ เสมอเผึ้งสืบฮัง แปลว่า ให้ขยันสร้างตัวเหมือนผึ้งสร้างรัง

ผญาเกี้ยว ผญาเครือ ผญาย่อย ผญาโต้ตอบ

ผญาเกี้ยว เป็นการใช้ถ้อยคำพูดโต้ตอบกันเชิงเกี้ยวพาราสี ทักทายปราศัยสรรเสริญเยินยอ หรือความอาลัย

  • สิบปีกะสิถ่า ซาวพรรษากะสิอยู่ คันบ่ได้เป็นคู่เห็นแต่อุแองน้ำ กะปานได้นั่งเทียม แปลว่า สิบปียี่สิบปีก็จะรอน้องอยู่ ถึงไม่ได้เคียงคู่น้องมองเห็นแค่ตุ่มใส่น้ำก็เหมือนได้นั่งเคียง
  • ขันตีตั้งสัจจังหมั้นเที่ยง บ่ได้คึดเบี่ยงเลี้ยวลวงล้อหลอกไผ ปานใดเด้สิได้จูงแขนเข้า พาขวัญป้อนไข่หน่วย มือขวาป้อนไข่อ้าย มือซ้ายป้อนไข่นาง แปลว่า พี่นี่ตั้งใจมั่นรักน้องไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ แล้วเมื่อไหร่หนอจะได้จูงมือน้องเข้าสู่เรือนหอ
  • ใจประสงค์แล้วเมืองแกวกะดั้นฮอด ใจประสงค์ยอดแก้วในถ้ำกะก่นหา แปลว่า เมื่อมีใจรักน้องแม้จะอยู่แดนไกลเพียงใด ก็จะติดตามถามหา
  • ข้าขออธิษฐานตั้งขอฝากพระไมติ์มิตร พันธนังติดหมื่นปีบ่ไลน้อง พี่นี้จงจิต ข้องหมายตายเกิดฮ่วม ขออย่าคละคลาดแคล้วคำหมั้นขอดสาร น้องเอย แปลว่า ขออธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะรักน้องจนตายแม้เกิดชาติหน้าหรือชาติไหน ใจพี่ยังมั่นคง
  • พี่นี้ปลอดอ้อยซ้อยเสมออ้อยกลางกอ กาบกะบ่ห่อหน่อน้อยกะบ่อซอน ชู้บ่ช้อนเมียอ้ายบ่มี แปลว่า พี่นี้ยังเป็นโสด ไร้คู่ใจเหมือนต้นอ้อยกลางกอ จึงได้มุ่งหมายมารักน้อง
  • ใจหนึ่งว่าอยากหย้อแม่น้ำให้เป็นแผ่นดินเดียว คราวสองคืนสามคืนอยากหย้อเป็นคราวมื้อ แปลว่า ใจอยากจะบีบแม่น้ำให้เป็นแผ่นดินเดียวกัน อยากย่อวันเวลาลงมาเพื่อให้ได้ใกล้ชิดน้อง
  • พี่หากใจประสงค์ปล้ำยูงยางไม้ใหญ่ คันแม่นพร้าบ่บ่าน ขวานบ่เป้ไม้บ่ล้ม อวนอ้ายบ่เซา แปลว่า พี่นี้ตั้งใจเด็ดเดี่ยวแล้ว (รักน้อง) ว่าจะตัดต้นไม้ใหญ่ แม้นพร้าและขวานไม่บิ่น ไม้ไม่ล้ม (น้องไม่ตกลง) พี่นี้ไม่เลิกรา

ผญาปริศนา

ผญาปริศนา เป็นผญาที่ตั้งคำถามให้ฉุกคิด เอาไปเปรียบเทียบในการดำเนินชีวิต

  • กุญชรช้างอัศตรคุณมาก ก็หากหายากแท้ทั้งค่ายบ่มี ส่วนว่ายุงยองสิ้นฝูงไฮเฮือดไต่ บ่ห่อนขี้ไฮ้หาได้คู่เฮือน แปลว่าช้างสัตว์มีคุณหายาก ส่วนริ้นยุงนั้นหาได้อยู่ทั่วไป
  • คันได้ขี่ช้างแล้วอย่าดังเปิดดังเหิน อย่าได้เสิ่น ๆ หัวแหย่งสิพานพาฮ้าย แปลว่า ได้ขึ้นตำแหน่งสูงอย่าทะนงตัว เดี๋ยวจะตกอับได้ง่าย
  • คันบ่ออกจากบ้านบ่เห็นด่านแดนไกล คันบ่ไปหาเฮียนก็บ่มีความรู้ แปลว่า ถ้าไม่ออกเดินทางก็จะไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่เรียนก็จะไม่มีความรู้
  • คันคากน้อยยังได้ฮบพญาแถน ยังได้ครองนครขวางนั่งเมืองเป็นเจ้า แปลว่า คางคกยังได้รบกับพญาแถน จนได้ครองเมือง อย่าท้อถอย
  • กุญชรโรช้างแนวสูงศักดิ์ใหญ่ ตายย้อนมดแดงน้อย ๆ แนวนั้นก็หากมี แปลว่า ช้างสัตว์ใหญ่ แต่ตายด้วยมดแดงตัวน้อย
  • กากับนกเค้าบ่เข้าฮ่อมแกวกัน หนูกับแมวบ่อยู่นำกันได้ คือดังหมีกับไม้พันทนังค้อป้า จอนฟอนกับเห่าห้อมบ่มีมื้อถึกกัน แปลว่า ศัตรูคู่แค้นไม่อาจอยู่ร่วมกัน ก็จงหลีกให้ห่าง
  • คันได้นั่งบ้านเป็นเอกสูงศักดิ์ อย่าได้โว ๆ เสียงลื่นคนทั้งค่าย ชื่อว่าเป็นนายนี้ให้หวังดีดอมบ่าว คันหากป่าวบ่พร้อมสิเสียหน้าบาดเดิน แปลว่า ถ้าได้เป็นเจ้านายอย่าได้คุยโวข่มเหงบ่าวไพร่ เราจะได้ดีมีคนคำจุนก็เพราะคนรอบข้าง

ผญาอวยพร

ผญาอวยพร เป็นการใช้ถ้อยคำที่ใช้พูดอวยพรในโอกาสต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำพูดที่ผู้สูงอายุหรือคนที่เคารพนับถือพูด เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ฟังหรือผู้รับพร

  • ค่อยอยู่ดีสำบายมั่นเสมอมันเครือเก่าเด้อ ให้เจ้าอยู่ดีมีแฮงความเจ็บอย่าห้ได้ความไข้อย่าให้มี ให้ไปดีมาดีผู้อยู่ให้มีชัยผู้ไปให้มีโชค โชคม้าอยู่เทิงอาน อยู่เทิงเครื่องอลังการสำรับ นอนหลั่บให้เจ้าได้เงินพัน นอนฝันให้เจ้าได้เงินหมื่น นอนตื่นให้เจ้าได้เงินแสน แบมือไปให้ได้แก้วมณีโชติ โทษร้ายอย่ามาพาน มารฮ้ายอย่ามาผ่า ให้เจ้ามีอายุ วรรณัง สุขัง พลัง เด้อ แปลว่า ให้อยู่สุขสบาย ความเจ็บไข้อย่าได้มี ไปดีมาดี ผู้อยู่ขอให้มีชัย ผู้ไปขอ ให้มีโชค อยู่บนเครื่องสำรับอันอลังการ นอนหลับขอให้ได้เงินพันนอนฝันขอให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นขึ้นมาขอให้ได้เงินแสน แบมือไปให้ได้แก้วมณีโชติ โทษร้ายอย่ามาพานพบ มารร้ายอย่ามากล้ำกลาย ให้มีอายุวรรณะ สุขะ พละ
  • ให้เจ้าเป็นคู่แก้วคู่ขวัญ ให้เจ้าฮักกันบ่มีเปิด ลูกแก้วเกิดหญิงชายสุขสำบายจนแก่เฒ่า สมบัติหลั่งเข้าเนืองนอง เงินทองมีมากล้นเทอญ แปลว่า ขอให้คู่บ่าวสาวจงมีความรักต่อกันอย่าได้เสื่อมกัน ให้ได้ลูกหญิงลูกชายให้มีความสุขในครอบครัวจนแก่เฒ่าชรา มีทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองมากมายอย่าขาดมือ
  • ผูกเบื้องซ้ายให้ขวัญเจ้ามา ผูกเบื้องขวาให้พระเจ้าอยู่ ฝ้ายเส้นนี้มีคำแถน นำมาผูกแขนผอวนเจ้า อย่ามีศรีเศร้าตัวเจ้าอย่างหมองหม่น คุณพระพุทธ พระธรรมมากล้นไหลตื้อตื่นประสงค์ เจ้านอนหลับให้ได้เงินหมื่น เจ้านอนตื่นให้ได้เงินแสน แปนมือไปให้ได้แก้วมณีโชติ โทษร้ายอย่าพานมารร้ายอย่าเบียด แปลว่า ผูกแขนซ้ายขอให้ขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว ผูกแขนขวาขอให้คุณพระคุณเจ้าอยู่คุ้มครอง ฝ้ายผูกแขนเส้นมีคำพรจากเทวดาให้น้ำมาผูกแขนเจ้า อย่าให้มีความเศร้าหมองอยู่ในตัว ด้วยคุณพระรัตนตรัยมีมากล้นขอให้เจ้าได้ทุกสิ่งสมประสงค์ เมื่อเจ้านอนหลับขอให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นขอให้ได้เงินแสน ยื่นมือออกไปขอให้ได้แก้วแหวนเงินทอง ภัยร้ายทั้งปวงอย่าได้มาเบียดเบียน

เป็นอย่างไรกันบ้าน หลังจากที่ได้อ่านตัวอย่างผญา รวมไปถึงประวัติควาเป็นมาทั้งหมด ทีมงานอีสานเราคิดว่าท่านผู้อ่านจะได้รับความรู้และรักผญามากขึ้นไม่มากก็น้อย หากชอบใจหรือเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์คราวนี้ก็ถึงตาท่านแล้วที่จะเป็นผู้สนับสนุนเรา โดยทำได้ง่าย ๆ เพียงกดแชร์บทความนี้ออกไปยังโซเชียลมีเดียช่องทางที่เรามี หรือจะอยากจะอ่านผญาเพิ่มเติม สามารถดูได้เลยในคลังผญาของเรา

คลังผญา โดยอีสานร้อยแปด