การเลี้ยงจิ้งหรีด สัตว์เศรษฐกิจที่หลายคนมองข้าม!!!
แมลง ได้มีบทบาทมากขึ้นในการเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากปริมาณโปรตีนที่สูง จึงมีความคิดที่นำแมลงมาเป็นอาหาร โดยปกติแล้วแมลงจะหาจับได้โดยทั่วไป แต่เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดที่มากขึ้น จึงได้มีการเริ่มทำฟาร์มแมลงขึ้นมาทดแทนกันอย่างแพร่หลาย
และเมื่อกล่าวถึงแมลงที่เป็นที่นิยมที่สุดชนิดหนึ่งแล้ว ก็ย่อมหนีไม่พ้น จิ้งหรีด ในปัจจุบัน การเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดที่มากขึ้นนั่นเอง สาเหตุอีกอย่างที่ควรหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดหรือแมลงนั่นก็คือ การเลี้ยงที่ค่อนข้างง่าย ใช้พื้นที่น้อย เงินลงทุนต่ำ และแทบไม่ได้ใช้ยาหรือสารเคมีเลย นอกจากนั้นแล้ว จิ้งหรีดยังเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทยอีกด้วย
จิ้งหรีด มีการแพร่กระจายพันธุ์ตั้งแต่ยุโรป เอเชียตะวันตกเฉียงใต้จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ในประเทศไทยเกษตรกรนิยมทำฟาร์มจิ้งหรีดตั้งแต่ปี 2541 ปัจจุบันมีเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 ราย มีทั้งฟาร์มขนาดเล็กผลิตขายภายในประเทศรูปแบบของแมลงทอด และฟาร์มขนาดใหญ่ผลิตขายเพื่อเป็นสินค้าส่งออก โดยแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน เดิมเคยจับจากธรรมชาติแต่ได้ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงหันมาทำการเพาะเลี้ยงแทน
พันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ พันธุ์ทองดำ ทองแดง และทองแดงลายหรือแมงสะดิ้ง ซึ่งเป็นจิ้งหรีดอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และเป็นชนิดที่มีการเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจมากที่สุด เพราะจิ้งหรีดทองแดงลาย เป็นจิ้งหรีดที่มีขนาดเล็กให้ไข่เยอะ จึงมีความมันกว่าจิ้งหรีดชนิดอื่นเมื่อรับประทาน
วัสดุอุปกรณ์ในการเลี้ยงและเพาะพันธุ์จิ้งหรีด
- โรงเรือนของฟาร์มขนาดใหญ่นิยมใช้รูป evap ถ้าเป็นโรงเรือนขนาดเล็ก นิยมเลือกพื้นที่ข้างบ้าน หลังคากระเบื้อง ผนังสี่ด้านเปิดโล่ง เพื่อช่วยในการระบายอากาศ แต่อาจใช้ม่านบังแบบม้วนพับเก็บได้เพื่อควบคุม แสง อุณหภูมิ ความชื้น และการระบายลม
- บ่อเลี้ยง อาจใช้วงปูนวางกับพื้น หรืออาจก่อซีเมนต์บล็อกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนใหญ่นิยมใช้แผ่นยิบซัมทำเป็นกล่องขนาด 1.2 x 2.4 x 0.6 เมตรยกพื้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ง่ายแก่การยกออกไปทำความสะอาด และผึ่งแดด
- ที่อยู่อาศัยภายในบ่อ ใช้ถาดไข่ชนิดกระดาษวางซ้อนกันเป็นคอนโดเพื่อให้จิ้งหรีดหลบภัย หลังจากเก็บเกี่ยวสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
- ภาชนะให้น้ำและอาหาร อาจทำจากกระเบื้องหรือพลาสติก บางแห่งใส่ก้อนหินในน้ำ เพื่อกันจิ้งหรีดตกน้ำ และไว้เป็นที่เกาะกินน้ำ บางแห่งอาจใช้ผ้าชุบน้ำมาวางเพื่อให้จิ้งหรีดกิน บางแห่งใช้การสเปรย์ละอองน้ำให้เป็นเวลา
- ภาชนะสำหรับให้จิ้งหรีดวางไข่ นิยมใช้ขันพลาสติกขนาดเล็กบรรจุดินขุยไผ่ หรือใยมะพร้าว
- นอกจากนี้มีการใช้มุ้งตาข่ายปิดปากบ่อ กันศัตรูของจิ้งหรีด หรือสัตว์พาหะที่จะนำโรคเข้าสู่บ่อ
- เทปกาว ติดแนบด้านบนของบ่อเลี้ยงเพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดเดินไปที่ขอบบ่อ
- บางแห่งใช้แกลบในการปูพื้นบ่อ บางแห่งบ่อพ่อ แม่พันธุ์ไม่ใช้วัสดุปูรองเลย
วิธีการเลี้ยงจิ้งหรีด
จิ้งหรีดเป็นสัตว์กินพืชที่เลี้ยงง่าย จึงเหมาะแก่การเลี้ยงแบบออแกนิค ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่อาจจะมีปัญหาในส่วนของการหาอาหารจำพวกพืชที่ปลอดสารพิษยาก ดังนั้นจึงได้นำอาหารไก่มาทดแทน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยจะใช้อาหารไก่ที่มีโปรตีนร้อยละ 14 และ 21 ซึ่งจะแบ่งการให้ตามช่วงอายุของจิ้งหรีด
- อาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 14 จะให้แก่จิ้งหรีดที่เกิดใหม่จนถึงอายุ 20 วัน
- อาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 21 จะให้แก่จิ้งหรีดหลังจาก 20 วันจนถึงวันเก็บเกี่ยว ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 45 วัน
ส่วนน้ำสะอาดสามารถให้ได้ตลอดเวลา โดยเลือกเปลี่ยนเมื่อน้ำมีความสกปรก
ความหมายเสียงร้องจิ้งหรีด
เสียงร้องของจิ้งหรีดนั้นเกิดจากจิ้งหรีดตัวผู้ใช้ปีกเสียดสีกันจนเกิดเสียง โดยยกปีกคู่หน้าขึ้น ถูกับฟันซี่เล็ก ๆ ที่เรียงอยู่แถวโคนด้านในปีกขวา เราสามารถเข้าใจเสียงที่จิ้งหรีดร้องได้ เช่น
- กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก นาน ๆ แสดงว่าอยู่โดดเดี่ยว ต้องการหาคู่ หรืออาจจะหลงบ้าน
- กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก เบา ๆ และถี่ ๆ แสดงว่าต้องการผสมพันธุ์
- กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก ยาว ๆ ดัง ๆ 2-3 ครั้ง แสดงว่าโกรธ
- กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก ลากเสียงยาว ๆ แสดงว่าได้ที่อยู่อาศัยหรือจองอาณาเขตได้แล้ว
การเก็บเกี่ยว
โดยปกติแล้ว จะเก็บตัวจิ้งหรีดมาขายนั้น จะทำหลังจากการที่ตัวจิ้งหรีดได้ทำการผสมพันธุ์เสร็จสิ้น เพื่อให้ได้ไข่ไว้ในการฟักเป็นตัวต่อไป ซึ่งวิธีการเก็บก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการใส่ภาชนะทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น กล่องพลาสติก และเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ก็เป็นการทำความสะอาดห้องเลี้ยง เพื่อเตรียมตัวเลี้ยงจิ้งหรีดในรุ่นต่อไป
การวางไข่
ทันทีที่จิ้งหรีดได้รับการผสม ควรเตรียมภาชนะวางไข่ที่มีส่วนผสมของแกลบและทราย ไปวางไว้ในบ่อตัวเมียที่สามารถวางไข่(ภายใน 24 ชั่วโมง) ระยะเวลาวางไข่เป็น 7-14 วัน จากนั้นภาชนะวางไข่จะถูกย้ายไปยังบ่ออื่นที่เตรียมสำหรับการบ่มฟัก การฟักมักจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นประมาณ 7-10 วัน ในอุณหภูมิคงที่ วงจรการสืบพันธุ์นี้สามารถทำซ้ำได้ 1-3 ครั้งในแต่ละรุ่นการฟักจะเกิดขึ้นที่อุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเซลเซียสและอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 28-30 องศาเซลเซียส
ข้อควรระวังในการทำฟาร์มจิ้งหรีด
- ความเสี่ยงของการเพิ่มราคาในอุตสาหกรรมอาหารไก่
- โรค ในปัจจุบันมีความเสี่ยงเป็นโรคเนื่องมาจากการเลี้ยงอย่างหนาแน่น โรคที่จะมาจากอาหารธรรมชาติ หรือสัตว์พาหะ
- ความเสี่ยงจากการใช้พันธุ์ที่ผลิตในฟาร์ม หลังจากการผลิตสามรุ่นไปแล้ว แก้ไขโดยการใช้พันธุ์และไข่นอกฟาร์ม
ต้องขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก ปศุสัตว์หกขา ฟาร์มแมลงแหล่งอาหารของมนุษย์ และ การเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ให้ข้อมูลดี ๆ ได้นำไปเป็นอาชีพเสริม คราวหน้าอีสานร้อยแปดจะมีอะไรมาแนะนำพี่น้องบ้านเรา คอยติดตามดูกันนะครับ
มี 1 บทความลิงก์มาที่การเลี้ยงจิ้งหรีด สัตว์เศรษฐกิจที่หลายคนมองข้าม!!!