Enter your email address below and subscribe to our newsletter

ประวัติและตำนาน “ทุ่งกุลาร้องไห้”

Share your love

ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 2,000,000 ไร่ มีอาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดมหาสารคาม

พื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 700,000 ไร่ อยู่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด บริเวณอำเภอโพนทราย อำเภอเกษตรวิสัย และอำเภอปทุมรัตน์

สาเหตุที่ทุ่งนี้มีชื่อว่า ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาแสนนาน และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ บนสถานที่แห่งนี้ มีเรื่องเล่ากันมาว่า

ชนเผ่ากุลา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศมอญ (ปัจจุบันประเทศมอญได้ถูกพม่ายึดไป)  กุลากลุ่มนี้มีอาชีพค้าขายระหว่างเมือง นำสินค้าประเภทสีย้อมผ้า เครื่องทองเหลืองต่าง ๆ

ทุ่งกุลาร้องไห้ ชนเผ่ากุลา
ภาพถ่ายชนเผ่ากุลาที่สืบเชื้อสายต่อ ๆ มา

กุลาได้เดินทางค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบผู้คน ไม่พบหมู่บ้าน ไม่พบแหล่งน้ำ ไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา มีแต่หญ้าขึ้นสูงเต็มไปหมด ส่วนดินก็เป็นดินทราย ยากลำบากแก่การเดินทาง เหมือนเดินทางอยู่กลางทะเลทราย จะขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้ขอความช่วยเหลือ มีแต่แดด ต้นหญ้า และดินปนทราย

[ads1]

ถึงเวลาค่ำคืน ทั้งหิว ทั้งเหนื่อยสายตัวแทบขาด ร่างกายขาดน้ำทำท่าจะตายเอา ทั้งหมดจึงได้แต่นอนร้องไห้ จนมีชาวพื้นเมืองผ่านมาพบเข้า จึงช่วยเหลือหาบหามกันไปพยาบาลในหมู่บ้าน ผู้รอดตายจึงเล่าเหตุการณ์ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือว่า เอาแต่นอนไห้เพียงอย่างเดียว ชาวบ้านจึงตั้งชื่อทุ่งนี้ว่า ทุ่งกุลาร้องไห้

ทุ่งกุลาร้องไห้ ชนเผ่ากุลา

ในอดีต ทุ่งกุลาร้องไห้ในหน้าแล้ง จะแห้งแล้งมากเพราะเป็นดินปนทราย หน้าฝนน้ำจะท่วมทุ่งทุกปี ใต้ผืนดินลงไปเป็นดินเค็ม น้ำที่สูบขึ้นมาก็เป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถปลูกพืชผลอะไรได้

ทุ่งกุลาร้องไห้ ชนเผ่ากุลา

ในปัจจุบันเรียกดินแดนแถบนี้ว่า “ทุ่งกุลาสดใส” ทั้งนี้เพราะรัฐบาลไทยร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย ส่งเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญในการพลิกผืนดินที่ไร้ประโยชน์ ให้สามารถทำประโยชน์ได้ด้วยการทำถนน สร้างอ่างเก็บน้ำที่มีอย่างเหลือเฟือในฤดูฝน  ขุดคลองซอยอย่างถี่ยิบ แล้วผันน้ำเข้สู่คลองซอย ผืนดินที่แห้งแล้งสีน้ำตลก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม เต็มไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ทุ่งกุลาร้องไห้ จึงถูกเรียกใหม่เป็น ทุ่งกุลาสดใส

[ads1]

สืบเนื่องจากประวัติของทุ่งกุลาร้องไห้นี้ จึงได้มีผญาที่เล่าเรื่องทุ่งแห่งนี้ มีอยู่ว่า

ตกกลางท่งแล้วล้าเดินฝ่าเทิงหัว

เห็นแต่ท่งเป็นทิวมือกุมควันกุ้ม

เหลียวไปไสฟ้าหุ้งงุมลงคือสักสุ่ม

มือกลางเวนจุ้มกุ้มคงไม้กะบ่มี

คักละนอบาดนี่หลงท่งคนเดียว

ถิ่มฮอดถงกะเทียวย่ามของสินค้า

เหลียวทางหลังทางหน้ากุลายั้งบ่อยู่

ลมออกหูจ้าวจ้าวไคค้าวย่าวไหล

จนปัญญาแล้วไห้เทิงจ่มระงมหา

คึดฮอดภรรยาลูกเมียอยู่ทางบ้าน

ลมอัสสวาสกั้นเนื้อสะเม็นเย็นหนาว

อ้าปากหาวโหยแฮงแข้งลาขาล้า

เพื่อไปนำกองหญ้าเวลาค่ายค่ำ

ยากนำปากและท้องเวรข่อยจ่องเถิง

ป่าหญ้าแฝกอึ้งตึงกุลาฮ่ำโมโห

ตายย้อนความโลโภล่องเดินเทียวค้า

ใจคะนึงไปหาโศกาไห้ฮ่ำ

คึดผู้เดียวอ้ำล้ำทางบ้านบ่เห็น

ในหนังสือกล่าวไว้บอกว่ากุลา

หรือแม่นไปทางได้แต่นานมาไว้

ท่งกุลาฮ้องไห้ที่หลังท้ายหมู่

อยู่โดนมาแต่พ้นพันร้อยกว่าปี

ลองมาดูจากภาพถ่ายดาวเทียมจะเห็นว่าในปัจจุบันทุ่งกุลาร้องไห้ไม่ได้แห้งแล้งอย่างในอดีตและเรื่องเล่าอีกต่อไปแล้ว สีเขียวแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์มีอยู่ทั่วไปทั้งบริเวณของทุ่งกุลาร้องไห้

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อเรียกของชนเผ่ากุลาของแต่ละภาษา

ไทย : กุลา

กัมพูชา : កូឡា

พม่า : ကုလား

อังกฤษ : Gula หรือ Kula

ทุ่งกุลาร้องไห้ ร้อยเอ็ด
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ในปัจจุบัน ซึ่งมีสีเขียวอุดมสมบูรณ์เปลี่ยนไปจากในอดีตอย่างมาก
เซียงเหมี่ยง
เซียงเหมี่ยง

เด็กผู้ชายบ้านนอก ที่เกิดและโตท่ามกลางความเป็นอีสาน จนซึมซับกลายเป็นความชื่นชอบและสนใจในประเพณี วัฒนธรรม ภาษา และอีกหลาย ๆ อย่าง จนได้นำสิ่งเหล่านี้มาบอกเล่าในเว็บไซต์ อีสานร้อยแปด นั่นเอง

Articles: 181