ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัย

ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัย

ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัยประดิษฐ์ขึ้นโดยวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด

ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัย

ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัย

สังข์ศิลป์ชัยเป็นนิทานพื้นบ้านที่รู้จักกันแพร่หลายในภาคอีสานของไทย ในชื่อเรื่อง สินไชย หรือศิลป์ชัย และยังเป็นนิทานพื้นบ้านที่รู้จักกันแพร่หลายในท้องถิ่นอื่นๆ ของประเทศไทยอีกด้วย เรื่องย่อมีอยู่ว่า

          “ท้าวกุศราชครองเมืองปัญจาล มีมเหสีชื่อ นางจันทาเทวี และมีน้องสาวชื่อสุมณฑา เมื่อนางสุมณฑาอายุได้ 17 ปี ได้ถูกยักษ์ชื่อ กุมภัณฑ์ แห่งเมืองอโนราชลักพาตัวไป ท้าวกุศราชจึงได้ปลอมตัวเป็นพระภิกษุออกไปสืบหานางสุมณฑาไปจนถึงเมืองจำปา และได้ลูกสาวทั้ง 7 ของเศรษฐีเมืองจำปามาเป็นมเหสีต่อจากนางจันทา แล้วได้จัดการประชุมมเหสีทั้ง 8 ว่า ต้องการมีลูกชายผู้มีฤทธิ์เดช เพื่อจะไปปราบยักษ์ชิงเอาตัวน้องสาวกลับคืนมา

พระอินทร์จึงให้เทวดาตนหนึ่งมาเกิดในท้องของนางจันทา ซึ่งเมื่อคลอดออกมาเป็นราชสีห์ใช้ชื่อว่า ท้าวสีโห และให้เทวดาอีก 2 ตนไปเกิดในท้องของมเหสีคนที่ 8 เมื่อคลอดออกมาเป็นฝาแฝดชื่อว่า สินไชและหอยสังข์ ส่วนมเหสีทั้งหกคนมีลูกเป็นคนธรรมไม่มีฤทธิอะไร มเหสีทั้งหกจึงตัดสินบนโหรให้ทำนายว่าลูกของนางจันทาและมเหสีคนที่ 8 เป็นลูกกาลิณี ท้าวกุศราชจึงเนรเทศออกไปจากเมือง

ต่อมากุมารลูกมเหสีทั้งหกโตเป็นหนุ่มแล้วออกไปเรียนวิชาได้พบสินไชเข้า และกลับมาโกหกพ่อว่าพวกตนเรียนวิชาสำเร็จแล้ว ท้าวกุศราชจึงสั่งให้ทั้งหกคนไปตามหานางสุมณฑา กุมารทั้งหกจึงไปโกหกสินไชว่า พ่อให้ไปตามอา สินไชเชื่อจึงออกเดินทางโดยมีสีโหเดินทางตามไปอารักขาบนบกผ่านดงดอนและภูเขา ส่วนสังข์ทองไปทางน้ำเพื่ออารักขาสินไช การเดินทางไปนั้นสินไชต้องทำศึกกับงูซวงและยักษ์ตามทางและไปเที่ยวชมป่าหิมพานต์ ซึ่งเรียกว่า ตอนสินไชเดินดง มีกลอนอยู่ว่า

“เว้าท่อนี้กลอนใหม่มาสับ เอาเดินดงมารับเบิ่งแดนดอกไม้
ศิลป์ชัยเจ้าสีโหอ้ายพี่สังข์ทองน้อยตามก้นบ่ไกล ชมเบิ่งไม้ต้นต่ำลำหนา
วาโยพัดแก่งมาเชยก้าน นานหลายมื้อหลายวันล้ำล่วง
สังข์กะเป็นห่วงเจ้าองค์เหง่าอยู่ไส หยับเข้ามาใกล้ถึงด่านกินรี
ศิลป์ชัยมาเล่าซบนางน้อย กินรีสร้อยสาวงามฟ้อนแอ่น
แขนเนือดน้าวในน้ำแก่งหาง น้ำฟาดป้างบาเล่าเชยชม
โจมนางงามกอดมาชมกั้วมัวมิ่นหน้าสีโหยังอยู่ บากะคอยแต่น้องเดินได้ไต่ตาม
ฮอดแม่น้ำศิลป์เล่าแปงขัว แล้วจึงพากันยกฝั่งชลเลยมั้น
ลมใส่ต้องตองแกดังควก ต้นไม้แห้งขลู้มใส่ดิน
ใบไม้ปิ้นลมปีนตีนตบ ใบตลบตามลมแก่งใบนวยค้อม
คอมกวยน้าวกานกวยแก่ง เป็นละแห่งแตงเต้าถั่วงา

หน่อยบ่ช้าถึงด่านงูซวง ศิลป์ชัยแปลงดาบลงเทียมข้าง
งูซวงม้างพาชีเลยฟาด มาขจัดตามกล้าเป็นถิ่นเคิ่งกลาง
งูซวงม้างหลดชั่วชีวา สามบกดัดล่วงเลยไปหน้า
มาเถิงแล้วหอปางยักษ์ใหญ่ สุมณฑาหน่อไท้นอนนิ่งอยู่ใน
ยักษ์นั้นได้เดินเที่ยวหากิน ศิลป์ชัยดักล่วงเถิงผาแก้ว
ไปเถิงแล้ววาจาเชิงหลอก บอกว่าขอเข้าซ้นเทียมได้บ่ดาย
อาเคืองฮ้ายอ้ายบ่าวทางได๋ สิมาเสียชีวีบ่ดีนาท้าว
ศิลป์ชัยห้าวผญาตอยเต้ยใส่ อากะเลยใคร่รู้ศิลป์ท้าวว่าหลาน
หลานบ่ย้านหรือจึ่งเดินเถิง ศิลป์ชัยพระกล่าวจายอต้าน
หลานสิมาเอาเจ้าเอ้ยให้กลับต่าง ขอให้กลับต่างบ้านเมืองก้วงแต่หลัง
อายั่งย้อยน้ำตาหลั่งโฮมไหล โจมเอาหลานกอดมาดมแก้ม
อาบ่คืนเมื่อแหล่วเบ็งจาญบ้านเก่า ศิลป์กะเลยจากเว้าควมกล้าด่าผลาญ
ถ้าหากเจ้าอามิ่งขืนคำ บอกว่าชีวามุดมอดไปวันนี้
พอดีได้ศิลป์ชัยยอดาบเหลือบมาบโม้งผ่าฝืน คันบ่คืนเมืองพร้อมสิฟันอาขาดท่อง”

เรื่องสังข์ศิลป์ชัยนี้ หมอลำหมู่นิยมนำเรื่องราวไปแสดง

ท่าฟ้อนชุดสังข์ศิลป์ชัย

ได้ปรับปรุงมาจากท่าฟ้อนของหมอลำหมู่ หรือที่เรียกว่า ลำกกขาขาว ซึ่งในตอนชมดงจะใช้ทำนองคล้ายทำนองลำเพลิน ซึ่งเป็นตอนที่มีทำนองเร้าใจแตกต่างจากการลำเล่าเรื่องธรรมดา และตอนชมดงจะเป็นตอนที่สนุกสนานที่สุดของเรื่อง จึงได้นำทำนองชมดงมาจัดทำเป็นชุดฟ้อน

เครื่องแต่งกาย

การแต่งกายจะแบ่งผู้แสดงหญิงออกเป็น 2 ฝ่าย ใช้ผ้าแพรวาหรือผ้าสไบขิดรัดอก ปล่อยชายผ้าด้านซ้ายให้ห้อยลงมาข้างอก นุ่งซิ่นมัดหมี่ไหมยาวคลุมเข่า เกล้าผมมวยทัดดอกไม้ สวมเครื่องประดับเงิน

เครื่องดนตรี

บรรเลงวงโปงลางใช้ดนตรีพื้นเมืองอีสาน ลายสังข์ศิลป์ชัย


กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*