ฟ้อนเต้ยเกี้ยว
เต้ย เป็นท่วงทำนองและลีลาการขับลำชนิดหนึ่งของภาคอีสานที่ผู้ลำจะต้องฟ้อนประกอบการลำตามจังหวะและทำนอง โดยได้รับอิทธิพลมาจากการขับลำของชนชาติลาวตอนใต้ ลำเต้ยเป็นการลำเพื่อหยอกล้อหรือเกี้ยวพาราสี หลังจากที่ผู้ลำได้โต้ตอบไหวพริบปฏิภาณมาแล้วในการลำทางสั้น ลำทางยาว ดังจะปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนเสมอว่า “พอแต่ลำทางสั้นหันมาทางล่อง พอแต่ลำล่องแล้วมาลำเกี้ยวเสน่ห์ ตั้งหลายปีแล้วเด้ที่เฮาพรากจากกัน แสนรำพันคะนึงคิดห่วงแต่นงนางน้อง…..” (หมอลำทองคำ เพ็งดี) หรือ “เหมิดพิษลำทางสั้น หันลายยาวจ้าลายล่อง พอแต่ลำล่องแล้วมาลำเต้ยเข้าใส่กัน……” (หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน)
จากข้อความนี้ที่กล่าวถึง พอจะอนุมานได้ว่า ขนบในการขับลำของภาคอีสานนั้นเริ่มจากการลำทางสั้น ต่อด้วยลำทางยาวและลำเต้ยเป็นการปิดท้ายเสมอ
อย่างไรก็ตาม ลำเต้ยมิได้ปรากฏอยู่ในเฉพาะการประกอบลำกลอนเท่านั้น แม้แต่หมอลำเรื่องหมอลำเรื่องต่อกลอน หรือหมอลำเพลินก็จะยังต้องมีลำเต้ยประกอบอยู่เสมอ ซึ่งส่วนมากจะเป็นตอนที่หนุ่มสาวหรือตัวพระ- ตัวนางออกมาเกี้ยวพาราสีกัน เพียงแต่ว่าบางคณะก็ใช้เต้ยหัวโนนตาล เต้ยเดินดง บางครั้งก็เต้ยธรรมดาออกเต้ยโขงและเต้ยพม่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระและอารมณ์ของเรื่อง หรือความรู้ความสามารถของตัวหมอลำเอง
ฟ้อนเต้ยเกี้ยว จึงเป็นการฟ้อนเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวมาจากการฟ้อนรำ ประกอบการลำเต้ย ของชาวจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งการแสดงชุดนี้ยังเป็นการนำเสนอการลำทำนองเต้ยต่างๆถึง 5 ทำนองด้วยกันคือ ทำนองเต้ยเดือนห้า เต้ยหัวโนนตาล เต้ยธรรมดา เต้ยพม่าและเต้ยโขง
ซึ่งได้ประดิษฐ์คิดค้นโดยคณาจารย์จากวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด มีท่าฟ้อนต่างๆ เช่น ท่าผู้สาวเดินลงท่ง ท่าสอดสร้อย ท่าเกี้ยวซู้ ท่าทศกัณฑ์โลมนาง ท่าลมพัดพร้าว ท่ากินรีชมดอก ท่าสาวน้อยประแป้ง ท่ายูงรำแพน ท่าหนุมานถวายแหวน ท่านกกระเจ่าบินวน ท่านาคเกล้าเกี้ยว ท่าหลีกแม่เมีย ฯลฯ ซึ่งเป็นการแสดงที่ได้จากกระบวนท่าฟ้อนแม่บทอีสานแทบทั้งสิ้น
การแต่งกาย
– ชาย สวมเสื้อแพรแขนสั้นลายขิดสีทองยกดิ้น นุ่งโจงกระเบนสีเขียวปล่อยชายพับจีบหน้านางด้านซ้าย ใช้ผ้าสไบยกดิ้นทองมัดเอว สวมสร้อยคอและกำไลเงิน
– หญิง สวมเสื้อแขนเลยสีแดง หรือที่เรียกว่า “เสื้อแขนเลย” ห่มสไบขิดยกดิ้นทอง นุ่งผ้าซิ่นจกลุ่มน้ำโขงสีทองยาวกรอมเท้า ผมเกล้ามวยประดับดอกไม้ สวมเครื่องประดับเงิน
กลอนลำเต้ยเกี้ยว
เต้ยเดือนห้า
(ชาย) สวยเอ้ย…..สวยหลายน้อ นอน้อง แม่ทองปอนก้อนน้ำคั่ง…..
อุ่น…คนงามของอ้ายนี่เอย…สวยหลายน้อหม่อมน้องแม่นไผปั้นหล่อมา อาดหลาดธาตุใหญ่ธาตุพนม อ้ายอยากโจมไปตั้งร้อยเอ็ดคำให้มันเดื่อง เบิ่งเด้น้อง
โอเด้ ให้มันเหลืองเอ้อเห้อ คือแป้นว่าแผ่นทอง ละจั่งว่าแก้มอ่องต่อง ใสยองยองเด
(หญิง) ออกจากบ้านกวยข้อ ยอแขน ตานางทำซอนแลนแอ่นกายกะเลยฟ้อน ไปซอนลอนกับอ้าย แขนก่าย เปื้องป่าย ไปนำกันสะหล่าย หล่าย เดินนำกันสะหล่าย หล่าย เดินผ่ายผ่านถนน ดังจ้นๆ คนกะเห่เลไหล ไปไวไวเลยเขิน หว่างเนินเขินน้ำ….
เต้ยหัวโนนตาล
(ชาย) โอเด พระนางเอย พระนางเอ้ย อ้ายนี่มาเสียอกตั้งแต่บ้านอ้ายอยู่ไกล อ้ายนี่มาเสียใจละตั้งแต่บ้านอ้ายอยู่ห่าง หลายเด พระนางเอย อ้ายโลดพอ อยากต้าน โนนบ้านเข้าใส่กัน ละจั่งว่าแก้มปั่นหวั่น สันปลากะมันเอย ..มันเอย..สันปลากะมันเอย
เต้ยธรรมดา
(หญิง) โอ๋ย ละพี่ชายเอ้ย ฟังคารมชายเว้ามันมีนัยละคันเจ้าหลายวาด พาลให้คลาดลาดล้ม เดือนห้าแม่นก่อนฝน นั่นละนาหนานวลนา ละนาหนานวลนา สังสิมาลวงล่อ อย่าสอพลอให้นางล้ม
เต้ยพม่า
(ชาย) มาพบหน้านงคราญ แม่ตาหวานยิ่งล้ำ วาสนาชักนำให้ได้มาพบเจอ อ้ายบ่ได้นึกฝัน ว่าจะมาเจอะเจอ คนสวยเลิศเลอหยาดฟ้ามาดินๆ
เต้ยโขง
(หญิง) โออ้ายเอ๋ย น้องขอชิดเชยบ่เคยหน่ายแหนง ๆ น้ำโขงบ่เคยเหือดแห้ง ความฮักแพงบ่ได้นึกหวั่น ใจกระสันยังห่วงละเมอ ๆ……..
มาอ้ายมา น้องสิพาไปล่องโขง ๆ ไปลงเรือเขมราฐ ฟังเสียงน้ำโตนตาด ดังอยู่ลื่น หลื่นลื่น หลื่นลื่น ๆ
สิบคืนอีน้องสิถ่า ซาวพรรษาละอีน้องสิอยู่ มีซู้อีน้องบ่เว้า สิคอยเจ้าแต่ผู้เดียว เกี้ยวไว้ก่อนออนซอนนา ๆ อย่าป๋าอย่าไลกันนา อย่าป๋าอย่าไล..กันนา……