ประโยคสนทนาภาษาอีสาน 1041 - 1050 จาก 2286

คำว่า ขี้ใส่ใจ

ผู้บ่าวบ้านใด๋มันมาจีบผู้สาวเฮา มันคือมาขี้ใส่ใจกันคักแท้ แปลว่า ไอ้หนุ่มบ้านไหนมาจีบแฟนเรา มันช่างหยามใจกันจริงๆ

คำว่า จี่เกิบ

กูคือขิวมันแฮงแท้ ขิวว่าแม่นจี่เกิบ แปล่า กูหละเหม็นขี้หน้ามันจริงๆ เหม็นยังกับเปารองเท้า

คำว่า โค้งต่าว

ไปหาเฮ็ดงานไกลบ้าน เก็บเงินเก็บคำได้แล้ว จั่งสิโค้งต่าวคืนเมือ แปลว่า ไปทำงานไกลบ้าน เก็บเงินเก็บทองได้แล้ว ค่อยจะกลับไปถิ่นฐานบ้านเกิด

คำว่า หิเดะ

อยู่หิเดะ แปลว่า อยู่ตรงนี้ไง

คำว่า บ่ต้องเว้า

บ่ต้องมาเว้าเลยเจ้าหั่น แปลว่า ไม่ต้องมาพูดเลยเธอนั่น

คำว่า เว่าตบแตก

ไปเว่าตบแตกก่อนจังค่อยเฮ็ด แปลว่า ไปพูดคุยตกลงให้เข้าใจกันทุกฝ่ายก่อนที่จะลงมือทำ

คำว่า ป๋ะ

ป๋ะเมีย แปลว่า หย่าร้างกับภรรยา
ป๋ะผัว แปลว่า หย่าร้างกับสามี

คำว่า กุฎโฎ

เป็นคำเก่า มักพบในบทผญาอีสาน ไม่เห็นใช้ในบทสนทนาทั่วๆไป

คำว่า กัสสโป

มักใช้ในคำผญาอีสาน 

“โอ๋ละหนอ แล้วสาธุๆ พระพุทธรัตนัง ธัมรัตนัง สังฆรัตนัง กกุสันโธ โกนาคมโน กัสสโป โคตโม พระศรีอริยเมตตรัยโย ล้วนแต่หน่อพุทโธให้มาปกให้บัง ให้มากั้งให้มาเลื่องยามลำไว้” 
นี่คือกลอนลำไหว้ครูแบบฉบับ จะเห็นว่ามีการกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ได้แก่
พระกกุสันโธ หรือ นะ
พระโกนาคมโน หรือ โม
พระกัสสโป หรือ พุท
พระโคตโม หรือ ธา
พระศรีอริยเมตตรัยโย หรือ ยะ
รวมเป็น "นะโมพุทธายะ" ฉะนั้นในการกล่าวคาถานี้เพียงครั้งเดียว จึงถือว่าได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าถึงห้าพระองค์ตามความเชื่อของชาวอีสาน

คำว่า กะเลิงเบิ๊บ

ยายอันนี้เจ้าคือกะเลิงเบิ๊บแท๊

แปลว่า ยายทำไมถึงได้ม้าดีดกระโหลกแบบนี้

มักใช้พูดคุยหยอกล้อกันในกลุ่มเพื่อน คำว่ายายในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนแก่ แต่มักใช้เรียกเพื่อนๆกันในกลุ่ม